หลังจากออกจากบ้านนั้นมา ผมก็มีไอเดียในใจว่าอยากจะเที่ยวให้รอบเกาะเหนือ เที่ยวแบบว่าค่ำไหนนอนนั่น ไม่มีแผนตายตัวว่าจะต้องอยู่ที่ไหนนานเท่าใด ผมขับรถย้อนขึ้นมาเรื่อยๆ แวะป่าตรงโน้นทีตรงนี้ที บางทีก็แวะทำอาหารข้างทาง ซึ่งประเทศนี้เค้าจัดที่ทางไว้ดีมาก บางที่ก็เป็นเพียงพื้นที่ไหล่ทางที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม เขาก็จะจัดโต๊ะไม้ใหญ่ๆวางไว้ให้สองสามจุดพร้อมกับเก้าอี้ยาว มีถังขยะจัดเตรียมไว้ให้พร้อม จุดประสงค์ก็เพื่อให้คนมานั่งปิคนิคสังสรรค์กัน และเป็นที่พักรถสำหรับนักเดินทางเพื่อจะได้เปลี่ยนอิริยาบท
จำได้ว่าในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆของวันนั้น ผมได้เจอที่แห่งหนึ่งอยู่บริเวณที่ราบใกล้แม่น้ำ ซึ่งมีป้ายอนุญาติให้จอดรถพักค้างแรมได้ โดยมีล๊อคจอดรถจัดไว้ให้หลายที่เลยทีเดียว ผมเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ก่อนหน้าที่ผมจะมา ซึ่งเป็นรถสไตล์เดียวกันกับของผมคือมีที่พักอยู่ทางด้านหลัง หลังจากจอดรถเสร็จสรรพ ผมก็เดินสำรวจห้องน้ำ และพอแน่ใจว่าทุกอย่างลงตัวแล้ว ก็เป็นอันว่าคืนนี้ผมจะอยู่ค้างที่นี่
เมื่อพบว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้แม่น้ำ ผมจึงเกิดไอเดียสนุกๆขึ้นมา ในตอนนั้นผมรู้สึกเหนียวตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย แม้ว่าอากาศในฤดูใบไม้ผลิจะหนาวน้อยลงกว่าฤดูหนาวไปมาก แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีสำหรับผม ผนวกกับมีฝนตกปรอยๆ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะประมาณสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เนื่องจากภูมิประเทศนี้มีลักษณะคล้ายกับเกาะที่มีทะเลล้อมรอบ จะว่าไปมันก็ไม่คล้ายหรอก มันคือเกาะกลางทะเลดีดีนี่เอง เพียงแต่มีลักษณะใหญ่กว่าในความหมายของคำว่าเกาะที่พวกเราคุ้นเคย
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าอากาศจะหนาว แต่พอบางทีที่เดินเล่นในป่าอยู่ดีๆแล้วฝนตก ก็อาจทำให้เกิดอาการเหนียวตัวและอยากอาบน้ำตามประสาคนไทยได้ แต่ก็นั่นแหละ ผมแค่อยากจะลองพิสูจน์ไอเดียที่เพิ่งขึ้นมาในหัวว่าจะสามารถทำได้จริงไหม ผมใช้ภาชนะที่หาได้ในรถที่มองดูแล้วน่าจะนำมาใช้เป็นขันได้ จากนั้นก็เดินไปที่แม่น้ำ ถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว ตักน้ำจากแม่น้ำที่กำลังไหลเชี่ยว แล้วค่อยๆอาบไป คล้ายๆกับที่เราเคยเห็นคนอาบน้ำตามลำคลองในประเทศไทยนั่นแหละ น้ำที่นี่เย็นเจี๊ยบเลย แต่ผมก็รู้สึกสนุกและตื่นเต้นที่ได้ทำ แม้ว่าวิธีการนี้จะเป็นสิ่งที่คุณสามารถพบได้ที่บ้านเรา แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นบ่อยที่นี่ แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นไปได้
หลังจากที่ผมอาบน้ำสระผมอย่างสบายตัวเรียบร้อยแล้ว ฝนก็ตั้งเค้าและตกโปรยปรายลงมาพอดี แต่ผมก็เข้ามาอยู่ในรถแล้วล่ะ ผมจัดแจงเช็ดตัวให้แห้ง เปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบเสื้อกันหนาวมาคลุมตัวตามเดิม ซึ่งปกติผมจะใส่ประมาณสามตัว สำหรับช่วงเวลาตอนเย็นจนถึงหัวค่ำแบบนี้ ไม่มีอะไรมีความสุขเท่ากับได้อาบน้ำเสร็จ แล้วใส่เสื้อผ้าอุ่นๆนั่งอยู่ในรถ แล้วมองดูฝนที่ตกโปรยปรายด้านนอก พร้อมกับนั่งกินขนมไปด้วยอีกแล้ว เป็นความรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ทำลงไปทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นไม่แน่ใจว่ามันจะดีหรือเปล่า
ในค่ำวันนั้นมีรถเข้ามาจอดที่แคมป์นี้ประมาณห้าคัน และเนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวาง รถแต่ละคันจึงจอดห่างกันพอสมควรเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่สักพักหนึ่งก็มีรถเก๋งคันนึงแล่นเข้ามา เปิดเพลงจังหวะโจ๊ะๆเสียงดัง พร้อมกับมีผู้โดยสารนั่งมาเต็มคัน พอพวกเขารู้ว่าไม่ได้เป็นคนกลุ่มเดียวที่อยู่ที่นี่เพียงลำพัง พวกเขาจึงลดเสียงเพลงลง ผมสังเกตผ่านกระจกรถก็พอเดาได้ว่าพวกเขาเป็นคนท้องถิ่น เมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็เข้าใจว่าพวกเขามาหาที่เงียบๆเพื่อเสพอะไรสักอย่าง แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของเขา คนเราสามารถมีความสุขตามแบบของใครของมันได้หากไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
พวกเขานั่งจ๊งอยู่ในรถสักพัก แล้วก็กำลังจะกลับ แต่พอเริ่มสตาร์ทเครื่องเท่านั้นแหละ เครื่องยนต์กลับสตาร์ทไม่ติดซะงั้น พอพวกเขาพบว่าเป็นเพราะน้ำมันหมดก็พากันโวยวายโน่นนี่ แต่ผมก็ได้ยินไม่ถนัดหรอก เพราะรถของผมอยู่ห่างออกมาประมาณหนึ่ง พวกเขาจึงให้ผู้หญิงสองคนที่มาด้วยเดินไปตามรถคันต่างๆที่อยู่ละแวกนั้น ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาต้องการอะไร แต่พอพวกเขาย้ายจากคันโน้นมาคันนี้จนสุดท้ายก็มาถึงคันของผม ผมจึงได้รู้ว่าพวกเขาต้องการเบนซิน อย่างน้อยก็เพียงเพื่อจะขับกลับเข้าเมือง ผมไม่รอช้าเพราะยินดีจะช่วยอยู่แล้ว และเบนซินในถังสำรองก็มีอยู่เต็ม ผมจึงลงจากรถแล้วเดินตามพวกเขากลับไปที่รถ
ผมเติมน้ำมันให้โดยใช้ท่อนบนของขวดน้ำอัดลมพลาสติกเป็นกรวยสำหรับช่วยในการเติม พอเติมเสร็จพวกเขาก็ยื่นเงินให้ผมห้าเหรียญ แต่ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ถือว่าช่วยกัน แต่เมื่อเขายืนยันที่จะให้ ผมจึงรับไว้เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ชายคนหนึ่งในรถที่ดูพอจะมีสติมากที่สุดในกลุ่มเดินออกมาคุยเล่นกับผม ถามโน่นนี่เกี่ยวกับประเทศไทย ในขณะที่ชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ในวัยกลางคนที่ไว้ผมยาว และมีรอยสักเต็มตัว เดินเซๆมาหาผม แล้วเอามือมาจับหัวผมเพื่อที่จะโน้มไปหาหน้าเขา ด้วยความไม่ทันตั้งตัวและไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร ผมจึงผงะหัวออกมา คนอื่นๆก็เลยขำ และอธิบายว่าเขาแค่ต้องการทำท่าทักทายแบบคนพื้นเมือง อ้อๆ ผมก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคนที่นี่เขาจะเอาหน้าผากและจมูกแนบชิดกันสักประมาณหนึ่งถึงสองวินาทีเพื่อเป็นการทักทาย ผมจึงยอมที่จะทำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเข้าไปหาเขาเอง แม้จะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง แต่ผมก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ลองทักทายด้วยวิธีนี้กับคนพื้นเมือง เพราะนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกของผมเพราะเคยได้เห็นแต่ในรูป
ผมคุยกับพวกเขาสักพักหนึ่งก็ขอตัวเดินกลับมาที่รถ พอผมเดินกลับมาถึง ก็เกิดเอะใจว่า น้ำมันที่ผมเติมให้พวกเขาไปนั้นอาจจะไม่พอที่จะขับกลับเมือง เพราะผมไม่รู้ว่าเมืองอยู่ไกลแค่ไหน และตอนนั้นมันก็มืดด้วย จนผมไม่แน่ใจในปริมาณน้ำมันที่ผมเติมให้ ผมแค่ไม่อยากให้พวกเขาเสี่ยงกับการที่น้ำมันหมดกลางทางอีก ผมจึงเดินย้อนกลับไปเติมให้พวกเขาอีกเป็นรอบที่สอง พวกเขาอาจจะงงกับการกระทำของผม แต่ผมก็คิดว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ หลังจากนั้นผมจึงกลับมาที่รถ และหลังจากที่ผมกลับเข้าที่นอนได้ไม่นาน พวกเขาก็ออกรถ ตอนผ่านรถผมพวกเขาตะโกนออกมาว่า Thank you ด้วย
และคืนนั้นก็ผ่านไปอย่างสงบพร้อมกับสายฝนที่ตกปรอยๆเช่นเคย ผมชอบที่ได้เจอเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดแบบนี้ แล้วจบลงด้วยมิตรภาพจากการแสดงน้ำใจ แม้ว่าพวกเขาจะมาที่นี่เพื่อเหตุผลใดก็ตาม แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญก็คือ พวกเขาก็เป็นคนเหมือนกันกับเรา และเราก็ไม่ควรที่จะตัดสินใครแค่เพียงจากลักษณะภายนอก
No comments:
Post a Comment