ในเวลาสี่วันสุดท้ายก่อนจะบิน ผมไม่ได้ทำงานแล้ว ผมเคลียทุกอย่างที่ไม่คิดจะเอากลับไทยออก ชุดที่ผมมักจะใส่ทำงานสวนที่มีสภาพสมบุกสมบันหลังจากการทำงานเป็นปี ถูกทิ้งลงถังขยะอย่างสบายใจ ผมมองมันครั้งสุดท้ายโดยที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะมาอยู่ในสภาพนี้ได้ในที่สุด ผมยิ้มอย่างขำๆในใจกับประสบการณ์กว่าหนึ่งปีที่แจ็กเก็ตตัวนี้อยู่กับผม
ของหลายชิ้นที่ติดมากับรถ ผมนำไปขายให้กับโรงรับจำนำ ผ้าห่มและผ้าปูที่นอนที่ติดมากับรถรวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆที่น่าจะมีประโยชน์กับแบคแพ็กเกอร์ ผมก็บริจาคให้กับเจ้าของที่พักไปทั้งหมด ผมซื้อของฝากมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช็อกโกแล็ตและผลไม้แปลกๆที่ไม่มีในบ้านเราเพื่อไปฝากคนทางบ้าน
ผมถอนเงินสดออกมาจากธนาคารทั้งหมด และทำที่เก็บลับๆไว้ในแจ็คเก็ตที่ผมจะใส่ติดตัวไว้เสมอ โดยเย็บมันติดกับด้านในของแจ็คเก็ตเป็นอย่างดี ผมแค่คิดอย่างคนไม่มีประสบการณ์ว่า มันน่าจะได้อัตตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าเมื่อนำไปแลกที่ไทย มากกว่าจะโอนผ่านธนาคารโดยตรงจากที่นี่ คิดว่าอย่างน้อยผมก็คงได้เงินเพิ่มสักสองสามพันหากใช้วิธีนี้ ซึ่งอาจสามารถใช้เป็นค่าเดินทางจากสนามบินเพื่อกลับไปที่พักที่นครปฐมได้
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ลืมที่จะเก็บบัตรเดบิตของธนาคารไว้ เพื่อใช้ในการกดเงินที่ไทยจากการคืนภาษีที่จะเกิดขึ้นในปีถัดไป โดยรัฐบาลของที่นี่จะคืนเงินบางส่วนให้กับผู้ที่ถือวีซ่าตัวนี้ ซึ่งเราสามารถยื่นแบบฟอร์มทางออนไลน์ได้เมื่อถึงฤดูกาลคืนภาษีในปีถัดไป
สำหรับรถตู้นอนคันนี้ ผมได้รับการติดต่อจากหลายคน แต่ถึงแม้ว่าผมจะอยากขาย แต่ผมก็ยังมีความรู้สึกไม่สบายใจบางอย่าง ก็ปัญหาเรื่องที่ต้องคอยเติมน้ำมันเครื่องเป็นประจำนี่แหละ ถึงแม้ว่าผมจะขับมันมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และรู้ว่าสมรรถนะในการขับขี่นั้นเป็นปกติดีทุกอย่าง แต่การที่มันมีจุดบกพร่องตรงนั้น ทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจเต็มร้อยในการขาย ผมไม่อยากให้คนที่ซื้อไปต้องรู้สึกแย่กับมันหรือเสียความรู้สึก แต่จะว่าไปแล้ว หากผมเตรียมการเจรจาตั้งแต่เนิ่นๆโดยที่ไม่ต้องห่วงเรื่องการขาดทุนนัก ผมก็อาจจะไม่ต้องทำในสิ่งที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้ก็ได้
ผมคิดอยู่นานกับเรื่องนี้ จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจยกรถคันนี้ให้กับคนคนหนึ่งที่ผมเจอในเพจเด็ก Working Holiday NZ เธอเป็นชาวฮอลแลนด์และกำลังมองหารถที่สามารถนอนได้อยู่ สุดท้ายแล้ว ผมรู้สึกดีกว่าที่จะให้ มากกว่าที่จะรับเงินแล้วทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีทีหลัง หากจะว่าไปแล้ว ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ ผมก็เล่นตัวมากอยู่เหมือนกันโดยที่ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองอย่างทะลุปรุโปร่ง ด้วยความอ่อนประสบการณ์และความคาดหวังที่ไม่อิงกับความเป็นจริง จึงนำไปสู่การตัดสินใจแบบนั้น(ในตอนแรกผมหวังจะทำกำไรจากการขายรถคันนี้ แต่แท้จริงแล้ว รถเก่าอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้ดีนัก แค่การขายให้ขาดทุนน้อยที่สุด หากจะว่าไป ก็นับว่าดีมากแล้ว) และเหตุผลด้านเวลาที่เหลือน้อยลงทุกทีก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่ง
ผมเซ็นเอกสารทั้งหมดที่ระบุว่าได้มอบรถคันนี้ให้กับเจ้าของคนใหม่ โดยเว้นช่องชื่อเจ้าของคนใหม่ให้ว่างไว้ แล้วจึงนำเอกสารทั้งหมดพร้อมทั้งกุญแจรถฝากไว้กับเจ้าของแบคแพคเกอร์ เพื่อรอให้คนฮอลแลนด์คนนั้นมารับรถ เนื่องจากที่ที่เธออยู่ตอนนั้นอยู่ห่างออกไปไกลอยู่เหมือนกัน เธอบอกว่าเธอกับแฟนจะนั่งรถโดยสารมาที่ Hastings ในวันถัดมา ซึ่งนั่นก็จะเป็นเวลาที่ผมได้เดินทางออกจากเมืองเพื่อไปเตรียมขึ้นเครื่องที่ Wellington แล้ว
เมื่อทุกอย่างถูกเตียมไว้ดีแล้ว และกระเป๋าเดินทางก็ถูกแพคเป็นที่เรียบร้อย กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา การได้มาสะพายกระเป๋าใบใหญ่ใบนี้อีกครั้ง ทำให้รู้สึกว่า เวลามันช่างผ่านไปเร็วจริงๆ ผมยังจำได้ดีเมื่อบ่ายวันหนึ่งเมื่อปีก่อน ที่ผมสะพายกระเป๋าใบนี้เดินเข้ามาใน Hastings Backpackerแห่งนี้ ในขณะที่เช้าวันนี้ ผมกำลังจะสะพายมันเพื่อเดินออกไปที่ลานจอดรถบัสข้างรางรถไฟในตัวเมืองอีกครั้ง ผมรู้สึกขอบคุณประสบการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้อิ่มเอิบใจหรือเป็นกังวลตอนที่มันเกิดขึ้นก็ตาม เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกช่วงเวลาก็ดูสนุกไปหมดเมื่อมองย้อนกลับไป บางเหตุการณ์มันสนุกเพราะตัวเหตุการณ์เองเป็นเรื่องที่สนุก ในขณะที่บางเหตุการณ์ทำให้สนุกเมื่อได้นึกย้อนไปแล้วถามตัวเองว่า “ตอนนั้นเอ็งทำแบบนั้นไปได้ยังงัยว่ะ?”
เช้าวันนี้เป็นวันที่สบายๆเหมือนกับทุกวันใน Hastings ซึ่งโดยปกติแล้ว ในเวลาเช้าแบบนี้ผมก็คงจะกำลังเตรียมตัวไปทำงาน แต่วันนี้ผมกำลังจะได้กลับบ้าน แผนการเดินทางของผมก็คือ นั่งรถบัสจาก Hastings ในตอนเช้าเพื่อไปถึงสนามบิน Wellington ในตอนเย็น จากนั้นก็นอนรอที่สนามบิน เพื่อเตรียมตัวบินในเช้าวันถัดไป ผมจะไปพบเพื่อนที่สิงคโปร์และพักอยู่กับเพื่อนอีกสี่วัน ในเมื่อเป็นทางผ่านในการกลับบ้านแบบนี้ ผมจึงคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เห็นอีกประเทศหนึ่งก่อนกลับไทย ซึ่งผมได้จองตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว
No comments:
Post a Comment