18. เกาะใต้ (ตอนที่ 5) ตัดสินใจ



       
        ผมออกจาก Franz Josef ด้วยบริการของรถบัสตามเคย ผมจำได้ว่า ผมไปเข้าพักสักคืนในที่ที่อยู่ระหว่างทางที่ผมจะขึ้นไปทางเหนือของเกาะใต้ ที่นั่นมีที่พักของ YHA อยู่ในป่า ความรู้สึกเหมือนการพักอยู่ในกระท่อมกลางป่า สถานที่นี้มีหลูปทางเดินให้เดินรอบป่าบริเวณนั้น และยังมีชายทะเลที่เต็มไปด้วยหินผาอยู่ใกล้ๆ  หากที่นี่เป็นที่แรกๆที่ผมได้มาพบตอนมา NZ ใหม่ๆ ผมก็คงจะหลงรักมันจนหัวปักหัวปำไปแล้ว แต่หลังจากช่วงเวลาหนึ่งที่ได้ใช้เวลาอยู่ในประเทศนี้ ผมเริ่มรู้สึกว่าไม่ว่าจะไปที่ไหนใน NZ ผมก็สามารถรู้สึกดีกับธรรมชาติ และวิวทิวทัศน์รอบตัวได้ไม่ยาก งั้นผมจะขอข้ามช่วงที่อยู่ที่นี่ไปนะครับ

        ในคืนถัดมาผมได้เข้ามาพักในเมืองบ้าง เมืองนี้ชื่อว่า  Greymouth เป็นเมืองเงียบๆ ยิ่งตอนบรรยากาศที่มีลมเย็นๆโชยมาแบบนี้ ผมก็ไม่ค่อยได้เห็นคนมาเดินเล่นบนท้องถนนสักเท่าไหร่ แม้ว่าในเวลานี้ ที่นี่จะถูกจัดว่าอยู่ในฤดูร้อนก็ตาม

สำหรับผมแล้ว แค่การเปลี่ยนที่ ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นเพียงอย่างเดียวหรอก แต่การได้เจอคนแปลกหน้าแล้วได้พูดคุยกันนี่สิ บางครั้งผมคิดว่ามันน่าสนใจกว่าสถานที่ใหม่ๆเสียอีก การได้ยินแต่ละคนพูดถึงสิ่งที่เค้ากำลังจะทำ และเหตุผลที่พวกเขาอยากจะทำสิ่งนั้น สำหรับผมแล้ว มันน่าตื่นเต้นกว่าการถ่ายรูปเพื่อบอกว่าเราไปไหนมาบ้างแล้วมากมายนัก เพราะเรื่องราวของแต่ละคนมันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ และการตัดสินใจที่จะทำสิ่งที่แตกต่างจากกลุ่มคนที่พวกเขาจากมา ในมุมมองส่วนตัว ผมคิดว่านั่นคือความกล้าหาญและน่ายกย่องอย่างหนึ่ง

ที่หอพักที่นี่ผมได้เจอกับสาวสวิตเซอร์แลนด์คนหนึ่ง ผู้ซึ่งเพิ่งลาออกจากงาน และตัดสินใจมาเที่ยวนิวซีแลนด์ เพื่อหาความหมายอะไรสักอย่างในชีวิต เธอยังช่วยหาที่พักในคืนถัดไปที่เมือง Nelson ให้ผมด้วย  เพราะดูเหมือนว่าเธอจะมีความชำนาญกว่าผมในการหาที่พักออนไลน์ เราแยกกันในเช้าวันถัดมาที่ท่ารถโดยสาร โดยเธอจะมุ่งลงใต้ ส่วนผมจะขึ้นไปทางเหนือ

        และแล้วในบ่ายแก่ๆของวันนั้นผมก็เดินทางมาถึงเมือง Nelson เมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่อง ไวน์ ประวัติศาสตร์ และวิวทิวทัศน์ที่โรแมนติก อย่างน้อยก็ในมุมมองของผมเองอะนะ ผมก็ทำสิ่งที่ผมชอบทำตามเคย นั่นคือการเดินเล่นไปรอบเมือง บางทีก็นั่งเฉยๆดูโน่นดูนี่บ้าง พอเริ่มหิวก็หาอะไรกิน ลองเลือกร้านอาหารอาหรับดูบ้างสำหรับเย็นนี้

ช่วงหัวค่ำผมก็เดินย่อยอาหารที่สวนสาธารณะใกล้ๆ แม้อากาศจะทำให้ผมรู้สึกหนาวนิดๆ แต่นี่ก็เป็นบรรยากาศที่อุ่นที่สุดแล้วในรอบปีสำหรับที่นี่ บังเอิธผมไปเจอกับคนเยอรมันสองคน ผมแบ่งขนมที่ผมซื้อมาจากร้านอาหารอาหรับให้พวกเขาลองชิม คุยกันไปคุยกันมาก็พบว่าทั้งสองคนถือ Working Holiday Visa เช่นเดียวกับผม ผมก็ถามโน่นนี่จิปาถะ แต่ก็แอะใจอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือเขาทั้งสองคนนอนในรถตู้ พวกเขาไม่ต้องจองห้องพักแต่ละคืนเหมือนผม แล้วผมก็ถามถึงเรื่องการอาบน้ำ ซึ่งก็ได้คำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยินซึ่งก็คือ นอกจากการอาบน้ำตามที่ที่ไปพักต่างๆแล้ว บางครั้งพวกเขาก็อาบกันในลำธารตามธรรมชาติ ณ ตอนนั้นผมก็ยิ่งทึ่งพร้อมกับงงว่าอย่างนี้ก็มีด้วยหรือ และก็ไม่ได้แอะใจเลยว่าพวกเขาจะพูดเล่นเลย แต่ถึงอย่างไร มันก็เป็นไอเดียที่น่าทึ่งและมีความเป็นไปได้

        หลังจากการนอนหนึ่งคืนที่ Nelson เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็เดินทางต่อไปที่ Wellington แล้วก็คิดในใจแม้จะไม่ค่อยถูกใจก็ตามว่า เราอาจจะต้องได้นั่งเรือกลับไปเกาะเหนือ และกลับไปบ้านน้า จากความหวังก่อนลงเกาะใต้ว่าอยากจะไปเที่ยวและหางานทำข้างล่างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่พอมองนิ้วตัวเองที่ระบมอยู่ บอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยมีความมั่นใจที่จะไปสมัครงานที่ไหนเลย บวกกับอากาศที่ค่อนข้างเย็นเมื่อเทียบกับเกาะเหนือ ผมคงจะอยากบู้กว่านี้ถ้าร่างกายผมพร้อมร้อยเปอเซ็นต์ แต่ในสถานการณ์ที่เงินเก็บก็ค่อยๆร่อยหรอลงไป การนึกถึงความมั่นคงในการอยู่รอด ณ สถานการณ์ในขณะนั้น จึงอาจไม่ใช่เรื่องน่าหดหู่อะไรนัก ผมคิดปลอบใจตัวเองว่า อย่างน้อยเราก็ได้ลงไปเยือนเกาะใต้แล้ว ไปในที่ที่เราเคยอยากไป ได้เที่ยวติดต่อกันกว่าสองสัปดาห์ แม้ว่าการเที่ยวระยะสั้นแบบนี้จะไม่ใช่แบบที่ผมชอบที่สุดก็เถอะ แต่ก็อย่างที่ผมว่าไปแหละครับ มันคือการปลอบใจตัวเอง ก่อนการขึ้นเรือในช่วงสายของวันนั้น ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาน้า บอกว่าอีกสองวันผมจะกลับไปที่บ้าน เพื่อขออาศัยตามเดิม บอกตามตรงผมรู้สึกไม่เท่ห์เลยกับสิ่งที่ได้ทำลงไป แต่น้าเค้าก็ดีกับผมจริงๆ









        การนั่งเรือขากลับไม่ได้ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนขามา เวลาส่วนใหญ่กว่าสามชั่วโมงที่ต้องอยู่ในเรือ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งดูวีดีโอเกี่ยวกับการเกษตรแบบ Off line ที่ผมเคยเซฟเก็บไว้จาก Youtube ดูซ้ำไปซ้ำมาจากคลิปหนึ่งไปอีกคลิปหนึ่ง ในใจก็คิดไปว่า เรามาที่นี่ก็เพื่อได้เที่ยวและเก็บเงินไปลงทุนทางการเกษตรที่นายอยากทำไม่ใช่หรือ ตอนนี้นายก็ได้เที่ยวสมใจแล้วนี่ (อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง) แล้วเรื่องเก็บเงินล่ะ? ผมถามกับตัวเองในใจ ตอนนี้ก็จะสิ้นเดือนมกราคมแล้ว ถ้าจะว่ากันจริงๆนายก็เหลือเวลาก่อนวีซ่าจะหมดอีกเจ็ดเดือน (ผมเข้ามาที่นี่ในวันที่ 5 สิงหาคม) และหากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิด และนายสามารถขอ visa extension ได้อีกสามเดือน เวลารวมทั้งหมดที่นายจะอยู่ที่นี่ได้ก็มีประมาณสิบเดือน อีกสิบเดือนกับโอกาสในการหาเงินที่นี่ ในที่ที่ค่าเงินแพงกว่าค่าเงินบาท นี่เป็นโอกาสที่ดีของนาย แล้วนายจะทำอะไรกับโอกาสนี้
แน่นอนคำตอบก็คือ นับจากนี้ไปจุดประสงค์หลักคือการเก็บเงินเพื่อนำไปลงทุนทำบ้านและสวน หลังจากที่ผลัดผ่อนมาสักพักกับการขอช่วงเวลาปรับตัว

การรู้ว่าจะนำเงินไปทำอะไร สำหรับผมแล้ว มันสำคัญมาก เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ส่งผลกับผมอย่างมากในเรื่องของพลังงานในแต่ละวันที่จะต้องออกไปทำงาน ช่วยให้ผมมีทัศนคติที่ดีในวันที่งานและอารมณ์ดูไม่น่าอภิรมณ์ อย่างน้อยก็สามารถทำให้ผมผ่านวันนั้นไปได้โดยไม่หัวเสียซะก่อน สำหรับผมแล้ว ความชัดเจนและความรู้สึกที่มีต่อสิ่งที่ต้องการจึงสำคัญมาก

 

 


 

No comments:

Post a Comment

คำนำและบทสรุป

          คำนำและบทสรุป           รูปแบบการเดินทางเป็นเรื่องราวเฉพาะบุคคล ไม่มีการเดินทางเส้นไหนจะวิเศษกว่าเส้นทางไหน เพราะทั้...