41. ลาก่อน NZ




        ระหว่างที่นั่งรถบัสจาก Hastings มาที่สนามบิน Wellingtonนั้น ก่อนลงจากรถ ผมมีโอกาสได้รู้จักกับคนอินเดียคนหนึ่ง เขาอายุไล่เลี่ยกับผม ซึ่งเขากำลังจะเดินทางกลับอินเดียในค่ำวันนี้ ระหว่างที่พวกเรารอขึ้นเครื่องอยู่ที่สนามบินก็ทำให้มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้น เขาเล่าว่าเขาเป็นเจ้าของร้านขายของเล็กๆแห่งหนึ่งใน Hastings ซึ่งเพิ่งจะเริ่มเปิดกิจการได้ไม่นาน แต่ก็ดูว่าน่าจะไปได้สวย

ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มีโอกาสคุยกับคนที่มีธุรกิจส่วนตัวแบบนี้ และการที่ได้รู้ว่าเขาอายุพอๆกับผม ก็ยิ่งทำให้เกิดความฮึกเฮิมที่อยากจะทำอะไรเป็นของตัวเองมากขึ้นไปอีก แผนของผมที่คิดอยู่ในตอนนั้นก็คือ การกลับไปทำสวนผสมในที่ดินของตัวเอง ผมแค่อยากได้ที่ร่มๆ และผมก็ชอบเห็นการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของต้นไม้(เอาเป็นว่านั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ในที่นี้ต้องขอพักไว้ก่อน)

ระหว่างที่รอเช็คอิน พวกเราได้ลุกจากที่นั่งเพื่อไปหาที่ชั่งกระเป๋า เพื่อต้องการจะเช็คดูน้ำหนัก แต่พอเดินกลับมาเพื่อที่จะหาที่นั่งอีกครั้ง ก็กลับดูเป็นเรื่องยากอยู่สักหน่อย เพราะผู้คนในช่วงเย็นดูเพิ่มขึ้นอย่างถนัดตา เพื่อนใหม่ของผมจึงชวนผมให้นั่งลงกับพื้น ซึ่งก็ทำให้ผมรู้สึกเขินๆอยู่นิดๆ เพราะนอกจากเราสองคนแล้ว ก็ไม่มีใครทำอย่างนี้กันเลย แม้ว่าผมจะห่วงว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเขาจะมองเราอย่างไร แต่หนุ่มอินเดียคนนี้กลับบอกว่า “หากเราไม่ไปสนใจพวกเขา มันก็ไม่มีอะไร” นับว่าเป็นคำพูดและเหตุการณ์ที่มีประโยชน์กับผมมากทีเดียว ระหว่างนั้นเขายังคุยเรื่องการตั้งร้านค้าของเขา กำไรที่ได้จากการขายสินค้าแต่ละชิ้น การจ้างพนักงาน ฯลฯ ผมรู้สึกสนุกที่ได้มีโอกาสฟังเรื่องพวกนี้

พอลาจากเขามาแล้วในช่วงหัวค่ำ ผมก็มองหาที่นอนพักโดยใช้มุมโซฟาสงบๆเป็นที่กบดาน พอถึงเวลาประมาณตีสี่กว่าๆผมก็ลุกไปอาบน้ำ ซึ่งสนามบินแห่งนี้ก็มีสถานที่จัดไว้ให้พร้อมสรรพ ซึ่งผมรู้สึกประทับใจในจุดนี้ เมื่อได้เวลาเช็คอิน ผมก็ดำเนินการผ่านขั้นตอนต่างๆมาอย่างลุล่วง โดยวีซ่าของผมมีวันหมดอายุตรงกับวันที่ผมบินพอดิบพอดี นับว่าเป็นเวลาหนึ่งปีกับอีกสามเดือนที่ได้ใช้โควต้าวีซ่าได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ความรู้สึกตอนได้ขึ้นเครื่องกลับไปใกล้บ้านอีกนิดนึงแบบนี้ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นนิดๆและอิ่มเอิบใจที่ในที่สุดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ในช่วงที่รอต่อเครื่องที่ออสเตรเลีย ผมได้มีโอกาสใช้อินเตอร์เน็ต จึงได้เมสเสสไปถามเจ้าของแบคแพคเกอร์ว่า มีใครได้เข้ามารับรถตู้ไหม พอเธอบอกว่าไม่เห็นใคร ผมจึงเมสเสสไปหาคนฮอลแลนด์คนนั้น เธอว่าเธอได้ลองปรึกษากับพ่อของเธอแล้ว ซึ่งเธอได้ตัดสินใจว่าเธอขอสละสิทธิ์ ผมคิดว่าเธอคงจะไม่มั่นใจกับเรื่องนี้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ หากลองให้ผมไปอยู่ในสถานการณ์ของเธอ มันก็คงเป็นอะไรที่ดูเสี่ยงๆอยู่เหมือนกันกับข้อเสนอแปลกๆแบบนี้

 แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ใจของผมได้สละรถคันนี้ไปแล้ว ไม่ว่ามันจะได้เจ้าของใหม่เป็นใครนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ ผมจึงเมสเสสกลับไปหาเจ้าของแบคแพคเกอร์ แล้วถามเธอว่า เธออยากจะเก็บรถคันนั้นไว้ไหม ซึ่งเธอก็ตอบรับด้วยความยินดี ผมคิดว่าหลังจากที่ได้รู้จักกันมากว่าหนึ่งปี มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะไม่คิดอะไรมากกับการให้ของผมแบบนี้

สรุปว่าทุกเรื่องราวที่เคยขัดข้องใจต่างๆใน NZ ได้มีข้อยุติลงตัวหมดแล้ว ผมเดินทางต่อไปยังดินแดนเอเซียด้วยความสบายใจ แม้ว่าประเทศสิงคโปร์จะยังไม่ใช่บ้านก็เถอะ แต่ก็นับว่าใกล้มากๆแล้ว

 
        -------------------------------











5 comments:

  1. หลังจากกลับมาที่ไทยแล้ว ไปทำอาชีพ​อะไรหรอคะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ผมได้มาสร้างบ้านหลังเล็กๆของตัวเองในที่ดินมรดกของพ่อ 1 ไร่ในจังหวัด​ร้อยเอ็ด​ แล้วก็ทำสวนอยู่สักพัก โดยใช้ทุนและเงินเก็บของตัวเองอยู่ประมาณปีครึ่ง แต่ไม่ได้มีผลลัพธ์ทางด้านการเงินครับเพราะว่าผมอาจจะอุดมคติ​มากไปหน่อย แต่ก็ทำให้เข้าใจตัวเองดีขึ้น พอรู้สึกว่าทุนใกล้จะหมดผมจึงไปสอบ ielts เพื่อเตรียมจะกดโควต้าไปออสอีก แต่ผมกดโควต้าไม่ได้ ผมจึงเปลี่ยนแผนไปสอบครูผู้ช่วยเพราะช่วงนั้นปี 61 เปิดสอบพอดี และผมมีใบประกอบวิชาชีพ​อยู่แล้วจากที่เคยสอนโรงเรียนเอกชน ผลสอบออกมาผมติดที่ 5 ของจังหวัดร้อยเอ็ดครับได้รอบแรกเลย ตอนนี้ผมเป็นครูโรงเรียนประถมที่อยู่ในชุมชนใกล้เคียง​ครับ นับว่ามีเรื่องดวงมาผสมด้วยล่ะครับ ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ผมควรจะหยุดร่อนสักพักเพื่อทำอะไรในระยะยาวบ้างแล้วล่ะครับ


      Delete
    2. https://youtu.be/rtff_l7kIBM

      https://youtu.be/1Cn9aTameAM

      Delete
  2. ขอบคุณที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะคะ อ่านบล็อกนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้มานิวซีแลนด์ จนกระทั่งได้ลองมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ จนใกล้จะจบโครงการแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ชั่งใจอยู่เลยค่ะ ว่าจะกลับไทย หรือ ไม่กลับไทยในช่วงนี้ดี ใจนึงก็คิดถึงบ้านเอามากๆ เลย อีกใจนึงเราก็คิดว่ายังมีโอกาสหาเงินจุนเจือครอบครัวได้ทางนี้ค่ะ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่งานที่ชอบทำนัก

    ReplyDelete
  3. ขอ​เป็น​กำลังใจให้ในทุกรูปแบบการตัดสินใจนะครับ และขอบคุณ​ที่สละเวลาอ่านงานเขียน​นี้นะครับ ผมตั้งใจทำสนุก​ๆ และขอให้อยู่ทางโน่นอย่างสุขภาพ​ดีครับ เพราะร่างกายที่แข็​งแรงคือสินทรัพย์​ที่คู่ควรกับการดูแลครับ

    ReplyDelete

คำนำและบทสรุป

          คำนำและบทสรุป           รูปแบบการเดินทางเป็นเรื่องราวเฉพาะบุคคล ไม่มีการเดินทางเส้นไหนจะวิเศษกว่าเส้นทางไหน เพราะทั้...