วันต่อมาผมจึงได้ไปเริ่มงาน ซึ่งงานก็คือการเป็นผู้ช่วยพ่อครัว ที่มีหน้าที่คอยตักข้าว หุงข้าว หั่นผัก ไปเอาจานจากห้องล้างจาน และล้างเครื่องครัวหลังจากปิดร้าน โดยทางร้านจ้างผมวันละห้าชั่วโมงต่อวัน โดยเริ่มงานในช่วงห้าโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม และเป็นการจ้างงานแบบเงินสด ซึ่งก็คือทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้เสียภาษี (คุณรู้ใช่ไหมว่าผมกำลังพูดถึงอะไร) เค้าให้ผมชั่วโมงละสิบเหรียญพร้อมกับมีอาหารให้อีกสองมื้อ คือมื้อเย็นขณะที่ทำงานมื้อนึง และพ่อครัวจะทำให้อีกมื้อนึงโดยจะห่อให้ตอนกลับบ้าน ผมมาคิดๆดูแล้ว ค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมายคือสิบห้าเหรียญ แต่พอมามองว่าได้กินฟรีสองมื้อ ซึ่งหากคิดดีๆแล้ว ผมซื้อข้าวกินปกติมื้อหนึ่งก็ราคาประมาณ 10-12 เหรียญ และแม้ว่าผมจะได้ค่าแรงชั่วโมงละ 15 เหรียญตามกฎหมายค่าแรงขั้นต่ำ ผมก็ต้องเอาเงินไปซื้อข้าวกินอยู่ดี และที่สำคัญคือ ช่วงนี้ผมจำเป็นต้องการปรับตัวสำหรับการอยู่ในประเทศนี้ ทั้งยังต้องการเงินสดเพิ่มมากขึ้นด้วย ผมจึงตัดสินใจว่าจะอยู่ที่ร้านสักพัก ซึ่งในใจผมก็รู้ว่านี่จะเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผมก็ไม่อยากเสียมารยาท พอทำงานไปได้สักสัปดาห์ผมจึงถามพี่ที่ร้านว่า ถ้าวันหนึ่งผมจะขอลาออก ผมควรจะบอกพี่ล่วงหน้าเท่าไหร่ดี พี่เค้าก็บอกว่าประมาณเดือนนึงละกัน พอหลังจากนั้นอีกอาทิตย์หนึ่งผมก็บอกพี่เขาว่า เดือนหน้าผมขอลาออกนะคับ มันอาจจะดูเร็วไป แต่ผมคิดว่าการบอกกันก่อนก็ดีกับร้านเขาด้วย หลังจากนั้นผมก็ทำงานต่อมาเรื่อยๆจนครบกำหนดวันที่ตกลงกันไว้
5. งานในร้านอาหารไทย
วันต่อมาผมจึงได้ไปเริ่มงาน ซึ่งงานก็คือการเป็นผู้ช่วยพ่อครัว ที่มีหน้าที่คอยตักข้าว หุงข้าว หั่นผัก ไปเอาจานจากห้องล้างจาน และล้างเครื่องครัวหลังจากปิดร้าน โดยทางร้านจ้างผมวันละห้าชั่วโมงต่อวัน โดยเริ่มงานในช่วงห้าโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม และเป็นการจ้างงานแบบเงินสด ซึ่งก็คือทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้เสียภาษี (คุณรู้ใช่ไหมว่าผมกำลังพูดถึงอะไร) เค้าให้ผมชั่วโมงละสิบเหรียญพร้อมกับมีอาหารให้อีกสองมื้อ คือมื้อเย็นขณะที่ทำงานมื้อนึง และพ่อครัวจะทำให้อีกมื้อนึงโดยจะห่อให้ตอนกลับบ้าน ผมมาคิดๆดูแล้ว ค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมายคือสิบห้าเหรียญ แต่พอมามองว่าได้กินฟรีสองมื้อ ซึ่งหากคิดดีๆแล้ว ผมซื้อข้าวกินปกติมื้อหนึ่งก็ราคาประมาณ 10-12 เหรียญ และแม้ว่าผมจะได้ค่าแรงชั่วโมงละ 15 เหรียญตามกฎหมายค่าแรงขั้นต่ำ ผมก็ต้องเอาเงินไปซื้อข้าวกินอยู่ดี และที่สำคัญคือ ช่วงนี้ผมจำเป็นต้องการปรับตัวสำหรับการอยู่ในประเทศนี้ ทั้งยังต้องการเงินสดเพิ่มมากขึ้นด้วย ผมจึงตัดสินใจว่าจะอยู่ที่ร้านสักพัก ซึ่งในใจผมก็รู้ว่านี่จะเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผมก็ไม่อยากเสียมารยาท พอทำงานไปได้สักสัปดาห์ผมจึงถามพี่ที่ร้านว่า ถ้าวันหนึ่งผมจะขอลาออก ผมควรจะบอกพี่ล่วงหน้าเท่าไหร่ดี พี่เค้าก็บอกว่าประมาณเดือนนึงละกัน พอหลังจากนั้นอีกอาทิตย์หนึ่งผมก็บอกพี่เขาว่า เดือนหน้าผมขอลาออกนะคับ มันอาจจะดูเร็วไป แต่ผมคิดว่าการบอกกันก่อนก็ดีกับร้านเขาด้วย หลังจากนั้นผมก็ทำงานต่อมาเรื่อยๆจนครบกำหนดวันที่ตกลงกันไว้
Subscribe to:
Posts (Atom)
คำนำและบทสรุป
คำนำและบทสรุป รูปแบบการเดินทางเป็นเรื่องราวเฉพาะบุคคล ไม่มีการเดินทางเส้นไหนจะวิเศษกว่าเส้นทางไหน เพราะทั้...
-
ก่อนหน้าที่จะออกจากร้านอาหารประมาณสองสัปดาห์ผมก็ได้ไปซื้อตั๋วรถบัสอีกเมืองหนึ่งรอไว้แล้ว เมืองนั้นชื่อว่า Hastings คุณอาจจ...
-
นิยายปรัมปรา Working Holiday Visa New Zealand เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในขณะที่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในป...
-
และแล้วคืนแรกก็ผ่านไปหลังจากได้ลืมตาตื่นขึ้นมาที่ NZ ในเช้าวันแรกที่เห็นแสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากับความหนาวที่ไม่คุ้นเ...
No comments:
Post a Comment