32. การเดินทางไปกับรถนอน (ตอนที่ 8) ทะเลสาบ Taupo


          ผมมุ่งหน้าไปต่อที่ทะเลสาบ Taupo สถานที่ยอดฮิตที่อยู่บริเวณกึ่งกลางของเกาะเหนือ หลังจากขับรถจนเกือบจะรอบทะเลสาบ ในที่สุดผมก็หาที่พักเพื่อที่จะจอดรถอย่างสงบๆได้ รอบๆทะเลสาบของที่นี่จะมีจุดที่เราสามารถเคลื่อนรถลงไปเลียบทะเลสาบได้อยู่หลายแห่ง ซึ่งบางแห่งก็เป็นที่นิยมของคนส่วนมาก แต่ก็มีบางแห่งที่ดูสงบเหมาะกับผู้คนที่จะมาตกปลา  หรือเพียงแค่มาหามุมสงบๆเพื่อปิคนิค
 ผมจอดรถอยู่สักพักหนึ่งก็ได้ไอเดียว่า เราน่าจะซักผ้าที่นี่ได้ เพราะสิ่งที่เราต้องการก็คือน้ำ ผงซักฟอกเราก็มีแล้ว กะละมังเล็กเราก็มี ว่าแล้วผมจึงเริ่มโครงการซักผ้าด้วยมือในระหว่างทริปการเดินทางเป็นครั้งแรก แม้จะรู้สึกแปลกๆไปบ้าง แต่งานก็ออกมาเสร็จสมบูรณ์ โดยผมจะบิดผ้าให้แห้งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และแขวนกับไม้แขวน  ซึ่งจะนำไปเกี่ยวไว้ตามตัวค้ำฝาท้ายของรถ หรือตามคอของกระจกข้างรถ แน่นอนว่าตามต้นไม้ที่ผมพอจะหาที่เกี่ยวได้ก็ไม่ถูกยกเว้น และเมื่อผมซักผ้าเสร็จ ก็อย่ากระนั้นเลย อาบน้ำในทะเลสาบก็คงไม่ผิดกติกามั้ง แม้ว่าน้ำจะเย็นไปสักหน่อยก็เถอะ แต่ความตื่นเต้นที่ได้ทำ ก็ทำให้รู้สึกสนุกแม้จะรู้สึกหนาวไปสักนิดก็ตาม
          ระหว่างที่ผมกำลังอยู่ในน้ำนั้น ก็มีรถคันหนึ่งเข้ามาจอดไม่ห่างจากรถของผมนัก ผมมองเห็นหน้าคนขับและคนที่นั่งมาข้างๆแว่บหนึ่ง เขาก็คงแค่มาหาที่สงบๆจอดรถ ถึงผมจะสังเกตเห็นว่าเขาดูประหลาดใจที่เห็นผมลงไปอยู่ในทะเลสาบแบบนั้น แล้วก็น่าจะเข้าใจแล้วด้วยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ แม้ว่าผมจะรู้สึกเขินๆ แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจอะไร แล้วอาบน้ำต่อจนเสร็จ
บ่ายของวันนั้นเป็นวันที่ฟ้ามืดครึ้มและมีฝนตกปรอยๆ ผ้าที่ตากไว้ทั้งหมดได้ถูกนำมาแขวนในรถตามจินตนาการจะสรรค์สร้าง กิจกรรมฆ่าเวลาของผมส่วนมากก็จะเป็นการมองดูเม็ดฝนมากมายที่ตกลงสู่ผิวทะเลสาบและฟัง Audio ที่ผมชอบไปด้วย นอกเหนือจากนั้นก็คือการหาขนมกิน และหลายครั้ง หนังสือแผนที่เล่มเก่าที่ติดมากับรถก็มีประโยชน์มากเช่นกัน ทั้งในมุมมองของความรู้และความบันเทิง ไม่รู้ทำไม แต่การได้อ่านแผนที่มักจะทำให้ผมรู้สึกดีและสนุกเสมอ และการได้รู้จักสถานที่ที่น่าสนใจตามจุดต่างๆก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ผมยังฝึกภาษาที่สามเพิ่ม ซึ่งก็คือภาษาสเปน แม้ว่าในขณะนั้นความก้าวหน้าจะเป็นไปในลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ คือว่ายังไม่ได้มีวินัยแบบจริงๆจังๆ แต่ผมก็รู้ว่ามันจะค่อยๆดีขึ้นเอง หากผมยังไม่ได้ทิ้งมันไปจริงๆ
ในบางครั้งช่วงที่คิดว่าจะเอาดีไม่เอาดีนี่บางทีก็น่ารำคาญ การแก้ปัญหาที่ผมมักจะใช้ได้ผลก็คือ การกลับมาทบทวนความรู้สึกของตัวเอง แล้วถามว่า “ทำไมถึงอยากทำสิ่งนี้ตั้งแต่แรกล่ะ ทำไมนายถึงคิดจะพัฒนาอะไรแบบนี้?” และก็เพราะเหตุผลตั้งต้นที่มันสำคัญกับผมนี่แหละ ที่จะทำให้ผมไม่เลิกที่จะฝึกซ้อมและมีความหวังที่ดีเสมอ เพราะสิ่งที่น่ากลัวสำหรับผมก็คือ การที่เรารู้ว่าเราต้องการอะไร และรู้ว่าเราจะสามารถทำมันได้ แต่ก็ละเลยที่จะฝึกฝนมันซะเอง ผมเดาดูว่า ไม่สิ ผมรู้เลยว่า ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าที่ผมมองย้อนกลับมาด้วยความรู้สึกแบบนี้ ผมอาจจะรู้สึกหดหู่ก็ได้ การที่รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจอย่างสุดความสามารถในเรื่องที่เราต้องการ บางครั้ง ภาพนั้นมันก็น่ากลัวมากอยู่เหมือนกัน
ฝนยังคงตกปรอยๆจนถึงค่ำ ผมยังพอมีแบตตารี่สำรองและโปรอินเตอร์เน็ตในโทรศัพท์อยู่บ้าง ซึ่งก็ช่วยให้ผมได้เข้าโน่นเข้านี่ หาอะไรเพลินๆดูไปได้บ้าง ในยามที่สิ่งรอบตัวดูมืดมิดไปหมดนั้น ในความเงียบ แค่เสียงน้ำเคลื่อนมากระทบฝั่งอย่างสม่ำเสมอก็ทำให้ผมรู้สึกเพลิดเพลินและสงบได้ แต่ผมก็รู้สึกแบบนั้นได้เพียงสักพัก จังหวะหัวใจของผมก็ต้องเปลี่ยนไปโทนอื่น
มีรถคันหนึ่งฉายไฟแล่นเข้ามาใกล้กับรถของผม ผมเริ่มวิตกกังวลเพราะไม่คิดว่าในเวลามืดๆแบบนี้จะมีใครขับรถเข้ามาที่นี่อีก แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังคงเงียบและสังเกตสถานการณ์ต่อไป คอยแย้มผ้าม่านดูบ้างนิดหน่อย ผมได้ยินเสียงผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งน่าจะเป็นวัยคุณลุงคุณป้าคุยกัน ซึ่งก็ทำให้ผมรู้สึกเบาใจขึ้น และความกังวลต่างๆก็หมดไป เมื่อในที่สุดผมได้รู้ว่า พวกเขาแค่มาตกปลาในตอนกลางคืน เท่านั้นเอง..

No comments:

Post a Comment

คำนำและบทสรุป

          คำนำและบทสรุป           รูปแบบการเดินทางเป็นเรื่องราวเฉพาะบุคคล ไม่มีการเดินทางเส้นไหนจะวิเศษกว่าเส้นทางไหน เพราะทั้...