1. ปฐมบทของการเดินทาง


นิยายปรัมปรา Working Holiday Visa New Zealand





เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในขณะที่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ด้วยวีซ่า Working Holiday เป็นเวลารวมทั้งสิ้น 15 เดือน โดยเป็นระยะเวลาที่ทำการยื่นขอต่อวีซ่าแล้ว ตลอดระยะเวลาดังกล่าว จะมีทั้งช่วงเวลาที่ราบรื่น ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น และช่วงเวลาที่ต้องใช้ความอดทน
จุดประสงค์ของการเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะสร้างความบันเทิงให้กับผู้ที่สนใจ และหวังว่าข้อมูลหรือประสบการณ์ต่างๆที่ผมได้ประสบมา อาจจะมีประโยชน์กับผู้ที่กำลังจะเดินทางไปในดินแดนที่เป็นมิตรกับธรรมชาติแห่งนี้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย และเข้าใจว่าช่วงขาขึ้นและขาลงของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นการเพิ่มสีสันให้กับประสบการณ์ทั้งสิ้น

             แม้บางครั้งอาจจะมีช่วงที่ไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง แต่การมองย้อนกลับไปก็ไม่ได้ทำให้ผมนึกอยากเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ณ ช่วงเวลานั้นตามสภาวะปัจจัยต่างๆ  สิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์จริงๆก็คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นๆ และถ้าหากมันยังสามารถเป็นประโยชน์กับผู้อื่นได้อีกนั่นก็เป็นโบนัสที่ดีทีเดียว และนี่ก็อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งของการถ่ายทอดเรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้

ทำไมถึงอยากไปนิวซีแลนด์ ?

        ก่อนหน้าที่ผมจะไปนิวซีแลนด์ผมเคยทำงานอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ผมสอนอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ปี พอพูดถึงเรื่องนี้ก็น่าจะเท้าความไปถึงสาเหตุที่ทำให้ผมมาเป็นครูที่โรงเรียนแห่งนี้ ผมมีความประทับใจผู้บริหารของโรงเรียนแห่งนี้ซึ่งก็คือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผมชอบวิสัยทัศน์ของท่านที่มีต่อการศึกษาและการพัฒนา ท่านเชื่อว่าการพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้นนั้น ควรเริ่มต้นจากการพัฒนาการศึกษาของเด็ก และการที่จะทำให้ไปสู่จุดนั้นได้ก็คือ การหล่อหลอมให้เด็กเป็นคนดี

 ณ ตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ในชั้นปีที่ 4 และกำลังมองหาที่ฝึกงานที่ผมสนใจ พอดีกับช่วงนั้นผมได้มีโอกาสรู้จัก ดร.อาจอง ผ่านทางโทรทัศน์และได้ฟังแนวคิดของท่าน ผมในขณะนั้นมีความต้องการที่จะเจอท่านมาก จึงขอให้ทางคณะช่วยส่งจดหมายไปที่โรงเรียนเพื่อขอฝึกงาน และนั่นก็ทำให้ผมได้ฝึกงานเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษที่โรงเรียนแห่งนั้นเป็นระยะเวลาประมาณ 4 เดือน

ในระหว่างนั้นผมได้มีโอกาสคุยกับท่านอาจารย์อาจองอยู่บ้าง ซึ่งก็ช่วยให้ความรู้สึกที่อยากเจอท่านก่อนหน้านั้นค่อยๆคลี่คลายลงไปได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผูกพันธ์กับโรงเรียนแห่งนั้นก็คือ บรรยากาศที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติและนักเรียนที่ผมได้มีโอกาสสอน รวมถึงมิตรภาพที่ครูและพนักงานในโรงเรียนแห่งนั้นที่ทำให้ผมรู้สึกดี

หลังจากที่ผมสอนจนครบภาคเรียนนั้นแล้ว ทางโรงเรียนก็ชวนผมให้สมัครเป็นครูเพื่อสอนต่อในปีการศึกษาต่อไป ในตอนนั้นผมรู้สึกขอบคุณที่ทางโรงเรียนยื่นข้อเสนอนั้น แต่ใจผมยังไม่พร้อม ตอนนั้นผมต้องการที่จะเดินทางไปเรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตรและการแพทย์แผนไทยที่ผมสนใจ  และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมรู้สึกไม่ดีหากผมจะต้องสอนภาษาอังกฤษในเทอมต่อไปและต้องบอกนักเรียนว่าการมีทักษะภาษาอังกฤษจะทำให้พวกเขาหางานทำได้ง่าย โดยที่ตัวผมเองยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานอื่นนอกจากงานสอนเลย พูดง่ายๆก็คือถ้าผมยังไม่เคยทำแบบนั้นได้ ผมจะไปโน้มน้าวเด็กในปกครองของผมให้เชื่อได้อย่างไร

ผมจึงบอกปฏิเสธกับทางโรงเรียนและใช้เวลาในช่วงหนึ่งปีถัดมาไปกับการเดินทาง เพื่อไปเรียนรู้กับปราชญ์ชาวบ้านด้านการเกษตรหลายแห่ง และได้มีโอกาสได้ลองทำสวนเล็กๆของตัวเอง ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้ว่าเงินทุนสำรองช่วงเริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งจำเป็น

ผมได้มีโอกาสไปเรียนรู้แพทย์วิถีพอเพียงของหมอเขียวที่จังหวัดมุกดาหาร ได้ลองลงไปทำงานโดยใช้ทักษะภาษาอังกฤษที่จังหวัดภูเก็ตโดยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่โรงแรมแห่งหนึ่งในหาดกัมลา สาเหตุที่เลือกไปทำงานที่นั่นก็เพราะผมอยากเห็นทะเลฝั่งอันดามัน ผมเคยนึกอิจฉาฝรั่งที่สะพายกระเป๋าใบใหญ่ๆมาเที่ยวทะเลเมืองไทย จึงถือโอกาสนี้ใช้วิชาความรู้ที่มีพาตัวเองไปเที่ยวซะเลย

 และหลังจากใช้เวลาไปกับความต้องการของตัวเองครบหนึ่งปี ผมก็กลับไปสอนที่โรงเรียนแห่งนั้นอีกครั้ง ความต้องการในการกลับมาในครั้งนี้ก็เพื่อมาทำให้ดีกว่าครั้งก่อน เด็กรุ่นที่ผมสอนตอนมาฝึกงานนั้น ผมอยากกลับมาเจอพวกเขาอีกครั้ง ผมอยากกลับมาบอกว่าทักษะภาษาอังกฤษสามารถช่วยให้พวกเขาหางานได้ง่ายขึ้นจริงๆ

  การกลับมาที่นี่อีกครั้งในตำแหน่งครูสอนวิชาภาษาอังกฤษไม่ได้มีเวลาว่างมากเหมือนตอนฝึกงาน ผมทำงานสอนไปเรื่อยๆและมีคำถามหนึ่งในใจตลอดเวลาคือ จะทำอย่างไรให้เด็กได้วิธีเรียนที่จะทำให้ทักษะภาษาอังกฤษดีขึ้น ผมหมกหมุ่นอยู่กับคำถามนี้มาก จนสุดท้ายมันตกผลึกที่คำตอบที่ว่า พวกเขาจะไม่เก่งจากการสอนหรือวิธีการไหนๆหรอก ของเหล่านี้มันเป็นแค่ส่วนประกอบ ใครสักคนจะเก่งทักษะอะไรขึ้นมาได้นั้นมันต้องเริ่มจากความสนใจของบุคคลนั้นเอง แล้วจะทำอย่างไรให้พวกเขาสนใจที่จะฝึกภาษาล่ะ? คำถามต่อไปผุดขึ้นมา จะทำให้ใครสนใจอะไรก็ต้องทำให้เขาเห็นประโยชน์ของมัน และประโยชน์ของภาษาอังกฤษที่จะทำให้คนรู้สึกพีคล่ะ คืออะไร? มันต้องไม่ใช่แค่เรื่องหางานง่ายและมีเงินเยอะแน่ เด็กน้อยคนนักจะนึกถึงเรื่องของการทำงานและสถานะทางสังคมตอนที่เขายังเด็กอยู่ อะไรล่ะที่จะทำให้ภาพในหัวของพวกเขาแจ่มชัดถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะฝันถึงได้ ถ้าหากเขาเริ่มฝึกฝนภาษาอังกฤษวันนี้

ผมนึกกลับไปตอนที่ผมอยู่ ม.ต้น ตอนนั้นอะไรหรือ ที่ทำให้ผมเริ่มมาฝึกฝนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองหลังจากกลับมาจากโรงเรียน “ผมอยากเดินทางไปต่างประเทศ!” ผมอยากสัมผัสกับบรรยากาศที่ผมเห็นในหนังบ้าง ผมอยากมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกกับคนต่างชาติ ต่างวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ผมอยากพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่น ดังนั้นผมควรจะต้องทำให้พวกเขาเห็นว่า การได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศนั้น มันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ผ่านตัวอย่างที่ผมจะทำให้ดูนี่แหละ

 นอกจากเรื่องสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆแล้ว การเดินทางไปต่างประเทศในครั้งนี้น่าจะเป็นช่องทางที่ทำให้ผมสามารถสะสมทุน เพื่อมาเริ่มสร้างสวนที่ผมตั้งใจได้เร็วขึ้น ทั้งยังเป็นการท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตาสำหรับตัวผมเองอีกด้วย และทั้งหมดนี้ก็คือสาเหตุที่ทำให้ผมเลือกเดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์(แต่จะว่าไปก็อาจจะเป็นเพราะ ผมรู้สึกว่าชื่อประเทศนี้ดูน่าผจญภัยดีก็ได้)

No comments:

Post a Comment

คำนำและบทสรุป

          คำนำและบทสรุป           รูปแบบการเดินทางเป็นเรื่องราวเฉพาะบุคคล ไม่มีการเดินทางเส้นไหนจะวิเศษกว่าเส้นทางไหน เพราะทั้...