Friday, 7 September 2018

4. สัปดาห์แรกใน NZ ทำอะไร?

    

และแล้วคืนแรกก็ผ่านไปหลังจากได้ลืมตาตื่นขึ้นมาที่ NZ  ในเช้าวันแรกที่เห็นแสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากับความหนาวที่ไม่คุ้นเคย ห้องที่ผมได้นั้น (เดี๋ยวก่อนนะ) น่าจะเรียกว่าเตียงของผมมากกว่า เพราะในหนึ่งห้องขนาดประมาณ 15 ตรม. มีเตียงให้คนเข้าพักได้ถึงสี่เตียง คือเป็นเตียงสองชั้นตั้งตรงข้ามกัน และมีหน้าต่างให้หนึ่งบานที่ทำให้พอได้เห็นวิวและสูดอากาศภายนอก ฟังดูเหมือนแล้งแค้นใช่ไหม แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก ผมหมายถึงถ้าเป็นอากาศในฤดูหนาวอย่างใน NZ ตอนนี้ที่อุณหภูมิตอนเที่ยงจะประมาณ 15 องศา และเวลากลางคืนจะประมาณ 8 องศา หน้าต่างบานเดียวก็เกินพอแล้ว เพราะเอาเข้าจริง น้อยครั้งมากที่เราจะเปิดหน้าต่างอย่างเต็มที่ แต่จะว่าไปตอนผมอยู่ห้องคนเดียวในตอนกลางวันผมก็ชอบเปิดเต็มที่นะ ผมชอบอากาศแบบโปร่งๆโล่งๆ

เอาละมาว่ากันต่อว่าผมตื่นมาแล้วผมเริ่มทำอะไร ผมตั้งสติตั้งแต่ตอนอยู่บนเตียงตอนยังไม่ทันลุกแล้วแหละ มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องเริ่มทำเป็นอันดับแรกก่อนที่จะเริ่มคิดอะไรเลยก็คือการไปขับถ่ายให้รู้สึกว่าหมดก่อน ผมรู้สึกว่ากิจกรรมนี้เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลมากในเมื่อเราให้เวลากินหลักๆถึงสามครั้งต่อวัน การเอาออกแบบสมบูรณ์จะทำให้วันทั้งวันดูโล่งขึ้น ไม่มีอะไรมากวนใจ ความคิดความรู้สึกจะไม่ถูกกดดัน (เริ่มเยอะไปแล้วหรอคับ งั้นผมหยุดเรื่องนี้ไว้ตรงนี้นะคับ) จากนั้นผมก็หาอะไรกิน แน่นอนว่านั่นก็คือ….โจ๊กซอง ไม่มีอะไรง่ายไปกว่านี้อีกแล้ว ดีที่ทางที่พักเค้ามีห้องครัวรวมขนาดเล็กกับอุปกรณ์ต่างๆไว้บริการด้วย ยังมีอะไรอีกล่ะ อ้อ ขนมปังห่อที่ติดมาด้วยงัย เอาเป็นว่ากินให้มันพอมีแรงต่ออีก 2-3 ชม. ก็โอเคแล้ว ไว้หากินอีกทีข้างนอก












        






 เป้าหมายของวันนี้ก็คือ ไปทำเรื่องสมัครขอเลขที่ผู้เสียภาษี (IRD) เลขที่นี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสมัครงานที่ถูกกฎหมายใน NZ พูดง่ายๆก็คือเลขประจำตัวสำหรับแรงงานทุกคนใน NZ นั่นแหละ และรัฐบาลก็จะหักภาษีจากรายรับของเราผ่านรหัสประจำตัวของเรานี้ ซึ่งที่ที่ผมสามารถขอรหัสนี้ได้ก็คือธนาคารของรัฐที่ชื่อว่า Giwi Bank ซึ่งก็มีสาขาอยู่ทั่วเมืองทั่วประเทศ จะว่าไปก็คล้ายๆกับธนาคารรัฐบาลของบ้านเรานี่แหละ เรื่องเอกสารที่ต้องใช้อะไรๆ ผมก็เช็คในอินเตอเน็ตมาก่อนหน้าตั้งแต่ที่ไทยและเตรียมให้พร้อมตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้ว จัดกลุ่มติดกิ๊บแยกประเภทไว้เรียบร้อย พอจะใช้ก็เลือกหยิบเป็นหมวดหมู่ได้เลย ประหยัดเวลา ผมแนะนำเทคนิคนี้นะคับหากมีธุระอะไรที่สามารถเตรียมเอกสารล่วงหน้าได้

 เมื่อผมยื่นเรื่องไปแล้วก็ต้องรออีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่รัฐบาลจะส่งรหัสที่เราขอกลับมาทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่เราให้ไว้ ซึ่งก็คือที่อยู่ของแบคแพคเกอร์ที่ผมอยู่นั่นเอง นั่นสามารถทำให้ผมพอคาดการณ์ได้ว่าผมจะต้องได้อยู่ต่อที่นี่เป็นสัปดาห์ที่สองเป็นแน่

        และอีกเรื่องต่อมาที่ต้องทำก็คือ ต้องมีเลขบัญชีธนาคาร สิ่งนี้เป็นช่องทางในการรับค่าแรงการทำงานและเป็นผู้ช่วยในการดูแลเงินของเรา ผมไปติดต่อกับธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งจะว่าไปทุกธนาคารก็น่าจะคล้ายๆกันนะคับ เพียงแต่บางธนาคารคิวอาจจะยาวหน่อยก็อาจจะต้องได้นัดไว้แล้วกลับมาทำวันอื่น บางธนาคารหรือบางสาขาก็สามารถทำได้เลย อันนี้ขึ้นอยู่กับเมืองที่เราไปติดต่อนะคับ ถ้าเป็นเมืองที่คนพลุกพล่านอย่าง Auckland ที่ผมไปติดต่อนั้นก็น่าจะมีการจัดคิวนัดให้มาวันหลัง แต่หากเป็นเมืองอื่นทั่วไปก็น่าจะสามารถทำได้ทันทีเลย เพราะการเปิดบัญชีหนึ่งนั้นพนักงานหนึ่งคนจะต้องอยู่กับเราประมาณ 15 -20 นาที เพื่อแนะนำให้กรอกเอกสารและการใส่รหัสผ่านที่เราต้องใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีของเราผ่านอินเตอร์เน็ต

        พอทำสองเรื่องนี้เสร็จผมก็เอาเงิน USดอลล่าที่เตรียมมาจากไทยประมาณ 500 เหรียญ มาแลกเป็นNZดอลล่า ผมเอา US ดอลล่ามาเพราะมันสะดวกกว่าเมื่อต้องแลกกับธนาคารสาขาในต่างจังหวัดเมื่อเทียบกับการแลกสกุลเงินนิวซีแลนด์โดยตรง แต่หากคุณมีโอกาสได้อยู่ใกล้ร้านที่รับแลกเปลี่ยนสกุลเงินอยู่แล้ว การแลกเปลี่ยนมาเป็นสกุลนิวซีแลนด์โดยตรงก็น่าจะสะดวกกว่า จำได้ว่าตอนนั้นผมแลกมาได้ประมาณ 600 เหรียญนิวซีแลนด์

จากนั้นผมก็ลองเอาบัตรเดบิตจากธนาคารที่ไทยไปลองเสียบตู้ดูเพื่อจะลองดูว่าผมสามารถเข้าถึงบัญชีที่ไทยได้ไหม ซึ่งปรากฎว่าเข้าถึงได้ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่ถึงอย่างไรผมก็ตั้งใจที่จะไม่ยุ่งกับบัตรนี้หากไม่สุดวิสัยจริงๆ คือผมตั้งใจที่จะใช้เงินสด 600 เหรียญที่มีอยู่ตอนนี้เป็นทุนในการตั้งตัวในขณะที่อยู่ในดินแดนใหม่นี้ และตั้งใจที่จะไม่ยุ่งกับเงินเก็บที่ไทย ดังนั้นเมื่อทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็เพียงรอให้เอกสารส่งกลับมา ฉะนั้นตอนนี้ผมจึงตัดสินใจอยู่ในเมืองนี้จนกว่าจะได้เอกสารต่างๆจนครบ และผมก็ไม่อยากจะรีบร้อนอะไรด้วย ผมจำเป็นต้องปรับตัวให้คุ้นชินกับบรรยากาศของประเทศนี้ ไม่ว่าจะเรื่องอากาศ เงิน ร้านค้า และสิ่งรอบๆตัว ผมจึงเริ่มหาที่ทำงานแล้วก็ถือโอกาสเดินเที่ยวรอบเมืองไปด้วยเลย

     ผมเข้าไปถามร้านอาหารหลายที่ทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังไม่ต้องการรับพนักงานเพิ่ม บางร้านก็กำลังมองหาคน แต่คุณสมบัติของผมก็อาจจะไม่เข้าตา เป็นต้นว่า วีซ่าของผมมันอิสระมาก คือสามารถจะย้ายไปไหนก็ได้เพราะไม่มีข้อผูกมัดใดใด บางครั้งจากประสบการณ์ของคนทำร้านส่วนใหญ่มันก็อาจจะไม่คุ้มค่าเวลาที่จะฝึกพนักงานใหม่ด้วยความเสี่ยงที่ไม่รู้ว่าคนๆนั้นจะสามารถอยู่ช่วยงานที่ร้านได้นานแค่ไหน และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ คุณสมบัติของผมอาจจะไม่โดดเด่นนัก บางร้านต้องการคนที่ทำอาหารได้ด้วยหรือไม่ก็มีประสบการณ์การทำงานในครัวอยู่บ้าง แต่หากจะพูดไปแล้ว ทักษะด้านภาษาอังกฤษที่ผมรู้สึกว่าเป็นทักษะที่ผมเชี่ยวชาญที่สุดและมีประโยชน์มากเมื่อต้องสมัครงานที่ไทย การสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในประเทศที่เค้าใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันอยู่แล้ว ความสามารถนี้แทบจะไม่เป็นเรื่องที่โดดเด่นอะไรเลย สรุปก็คือผมได้แต่เดินหางานและเสนอตัวที่จะช่วยเป็นลูกมือหลังร้านอะไรทำนองนี้ แต่ถึงอย่างนั้น เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ผมก็ยังหางานไม่ได้






 
 บางวันรู้สึกท้อบ้าง ไม่สบอารมณ์บ้าง ผมก็เปลี่ยนแผนไปเป็นการเดินเที่ยวไปโน่นไปนี่มันซะเลย ผมต้องขอบอกว่าที่ NZ นี้มีสถานที่ที่เอื้อให้คนเข้าใกล้ธรรมชาติอยู่มากมายหลายแห่งเลยทีเดียวถึงแม้ว่าจะเป็นในตัวเมืองก็ตาม มีสวนสาธารณะอยู่หลายแห่ง วิวทิวทัศน์ก็สวยงามตา ขนาดว่าเป็นเมืองที่มีผู้คนอยู่มากอย่างเมืองนี้ก็มีวิวสวยๆให้เห็นอยู่ตลอด จะว่าไปตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกับอีกสามเดือนที่ผมอยู่ที่นั่น แม้ว่าผมจะต้องเจองานหนักบ้าง ตากแดดบ้าง แต่การที่ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดกับธรรมชาติตลอดเวลาแบบนี้ ผมแทบจะไม่เคยคิดว่างานที่ทำอยู่นั้นหนักเลย อากาศที่หนาวเย็นก็อาจจะมีส่วนด้วย ที่ทำให้ไม่รู้สึกล้าหรือเพลียเมื่อต้องทำงานที่ลักษณะคล้ายๆกันหากอยู่ที่ไทย

     หลังจากที่ผมเดินหางานแล้วต้องผิดหวังมาเกือบจะครบสองสัปดาห์ เอกสารที่ต้องการก็ถูกส่งกลับมาหาผมหมดแล้ว ตอนนี้ ผมมีบัญชีธนาคาร มีเลขผู้เสียภาษีและมีเงินสดเหลืออีกจำนวนหนึ่ง ผมตั้งใจว่าคืนพรุ่งนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่จะครบสองสัปดาห์ในการอยู่ที่นี่ ซึ่งผมก็ไม่อยากที่จะเดินลุ้นหางานในเมืองนี้ต่อไปอีก ผมกำลังเตรียมตัวที่จะย้ายเมือง เพราะอาจจะได้เจอโอกาสที่ดีกว่า เงินสดที่มีอยู่ก็ลดลงเรื่อยๆ ผมคิดมากอยู่เหมือนกันในตอนนั้น และในหัวค่ำคืนนั้นก็มีเบอร์นึงโทรมาหาผม ซึ่งคนที่โทรมาเป็นพี่คนไทยจากร้านอาหารไทยร้านหนึ่งที่ผมเคยเข้าไปถามแล้วทิ้งเบอร์ให้เขาไว้ พี่เค้าอยากให้ผมไปลองทำงานที่ร้านดูในวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าผมต้องตอบตกลง


         

No comments:

Post a Comment

คำนำและบทสรุป

          คำนำและบทสรุป           รูปแบบการเดินทางเป็นเรื่องราวเฉพาะบุคคล ไม่มีการเดินทางเส้นไหนจะวิเศษกว่าเส้นทางไหน เพราะทั้...