Friday, 7 September 2018

11. การบริหารการเงิน

        ผมอยู่ที่บ้านน้าประมาณสองเดือน ทำงานในฐานะแรงงานรายวัน  จ่ายค่าที่พักทุกสัปดาห์ เพราะระบบของที่โน้นคือ คุณจะได้เงินเป็นรายสัปดาห์ ต่อจากนี้ผมจะขออธิบายการบริหารรายรับของผมแบบคร่าวๆนะครับ
ตอนที่ผมอยู่ที่นั่น สมมุติว่าโดยเฉลี่ยแล้วผมจะมีโอกาสได้ทำงานห้าวันต่อสัปดาห์ จริงๆแล้วถ้าผมสามารถทำงานในวันเสาร์- อาทิตย์ได้ด้วยผมก็มักจะไปทำ เพราะถ้าให้บอกตามตรง  งานเหล่านี้อาจดูเหมือนเหนื่อยและกินเวลามากในแต่ละวัน แต่สำหรับผม มันคือการได้ออกไปใกล้ชิดกับต้นไม้และธรรมชาติ ได้ไปอยู่ในที่โล่งๆอากาศดีๆ การได้เห็นวิวทิวทัศน์ข้างทางในตอนเช้า ที่อาจดูเหมือนเป็นงานศิลปะที่เคลื่อนที่ไปตามแต่หน้าต่างกระจกรถจะพาไป  การได้ทำงานที่ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมาก สามารถฟังอะไรๆที่เราชอบได้ระหว่างการทำงาน การได้ขยับร่างกาย ได้เคลื่อนไหวไปมา สำหรับผมมันคือการออกกำลังกายไปในตัว
เวลาทำงานก็ทำไปตามความเร็วของทีม ไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องระหว่างทีมของเรากับผู้จ้าง ไม่ใช่ระหว่างใครคนใดคนหนึ่งกับผู้จ้าง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบร้อนอะไร ทำตัวไปตามน้ำ ปล่อยให้เวลาไหลลื่นไป โดยไม่ไปยึดติดกับแดดร้อนๆ มองมันผ่านๆแล้วมันก็จะผ่านไปเอง สักพักก็จะเริ่มไม่รู้สึกอะไรกับมันไปเอง(หรือที่เค้าเรียกกันว่าความชินชาก็ได้)
        โทษทีนะครับผมหลุดไปไกลแล้ว มาพูดถึงการบริหารรายรับกันต่อ สมมุติว่า ในหนึ่งสัปดาห์มีวันที่ฝนตกโดยเฉลี่ยอยู่สองวัน ซึ่งมักเป็นวันที่คนทำงานสวนจะได้หยุดอยู่บ้าน ดังนั้นสัปดาห์หนึ่งก็อาจมีโอกาสได้ทำงานห้าวัน วันหนึ่งๆหากทำงานที่ได้รายรับเป็นค่าแรงขั้นต่ำ หลังจากหักภาษีแล้ว เงินที่ได้จริงๆจะอยู่ที่ประมาน 120 เหรียญ หากได้รายรับแบบนี้ครบห้าวันก็จะทำให้มีรายรับโดยเฉลี่ยต่อสัปดาห์ประมาณ 600 เหรียญ ค่าที่พักในแต่ละแห่งที่ผมไปพักก็จะอยู่ที่ประมาณ 100-130 เหรียญ ค่ากินซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่บุคคล แต่โดยเฉลี่ยก็จะตกมื้อละ 15 เหรียญ ราคานี้คุณภาพอาหารที่ได้ก็จะประมาณว่าหากอยู่ที่ไทยก็จะเป็นกระเพราไข่ดาวพร้อมเครื่องดื่มเย็นๆหนึ่งแก้ว คือไม่ได้ถึงกับหรูแต่ก็อิ่มอย่างมีคุณภาพ แต่ถ้าฉลาดซื้อวัตถุดิบจากซูปเปอร์มาเก็ตมาทำเอง เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ข้าวสาร หรือไม่ก็กินกับคนที่เราพักด้วยบ้าง หากมีโอกาสก็ซื้ออะไรมาตอบแทนเค้าบ้าง ล้างจานให้บ้าง ก็จะสามารถเซฟเงินไปได้อีกพอสมควร ค่าเติมเงินโทรศัพท์ประมาณ 30 เหรียญต่อเดือน ค่าเติมน้ำมันรถประมาณ 25 เหรียญต่อสัปดาห์ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ สองอย่างนี้หากไม่ติดได้ จะประหยัดเงินไปได้มาก โดยเฉลี่ยแล้วผมจะเก็บเงินได้ขั้นต่ำประมาณ 300 เหรียญหรือมากกว่าในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งก็แล้วแต่สถานการณ์ อาจมีต่ำกว่านี้บ้างหากมีการเปลี่ยนแปลงแต่ก็น้อยครั้งมาก
 แต่ผมก็มักจะคิดเล่นๆว่า แม้ว่าบางสัปดาห์จะเก็บเงินได้น้อยกว่า 300 เหรียญเนื่องด้วยความจำเป็นและเหตุสุดวิสัย แต่บางสัปดาห์ที่เก็บได้มากกว่า 300 เหรียญก็จะเป็นการชดเชยกันไป การคิดแบบนี้จะทำให้ไม่เป็นการกดดันตัวเองมากจนเกินไป โดยเฉลี่ยแล้วผมจะเก็บได้ประมาณ 50% ของรายได้ในแต่ละสัปดาห์ เงินเก็บเหล่านี้มีความสำคัญ การที่มันค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆจะทำให้เราสามารถมีอิสระในการใช้เวลาขณะที่ต้องวนเวียนอยู่ในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ผมอยู่บ้านน้าทำงานเก็บเงินเป็นเวลากว่าสองเดือนกว่า ผมก็เริ่มรู้สึกว่าผมควรจะต้องเริ่มทำสิ่งที่ผมอยากทำบ้างแล้ว นั่นก็คือการเดินทางไปในที่ที่ผมอยากจะไป ”การลงเกาะใต้” มันคือการเอาเงินหรือเวลาของเราไปแลกกับสิ่งที่ต้องการ ลึกๆในใจผมบอกกับตัวเองเสมอว่า ผมมาถึงที่นี่แล้ว ผมก็ควรจะได้เห็นสิ่งที่ผมอยากเห็น ซึ่งก็คือธรรมชาติที่สวยงามของดินแดน NZ แห่งนี้
 

No comments:

Post a Comment

คำนำและบทสรุป

          คำนำและบทสรุป           รูปแบบการเดินทางเป็นเรื่องราวเฉพาะบุคคล ไม่มีการเดินทางเส้นไหนจะวิเศษกว่าเส้นทางไหน เพราะทั้...