พอกลับมาอยู่บ้านน้าอีกครั้ง
หลังจากที่พอหายบ้าไปได้บ้างกับการได้เที่ยวเกาะใต้ตามที่ได้หวังไว้แล้ว
ผมก็เริ่มที่จะมองหาอะไรในแง่ของความมั่งคงและรายได้มากขึ้น
น้ายังคงดีกับผมเช่นเดิม แต่เนื่องจากเป้าหมายของผมที่ก่อตัวชัดเจนแล้วเกิดขึ้น
จึงจำเป็นต้องมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงตามไป
ผมอยู่กับน้าหลังจากที่กลับมาได้ประมาณสองสัปดาห์
จากนั้นผมก็รวบรวมเงินที่เหลือจากการเดินทาง บวกกับเงินที่หามาได้ใหม่
เพื่อซื้อรถรุ่นเก่าๆคันหนึ่ง ซึ่งน้าก็รู้จักคนและช่วยแนะนำให้
ถึงมันจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอเซ็นต์ในตอนแรก แต่หลังจากที่ช่างได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและใส้กรองให้ใหม่
ทุกอย่างก็ลงตัว แม้ว่าหลังจากการซื้อรถและการซ่อมบำรุงจะทำให้ผมเหลือเงินในบัญชีจนเกือบจะถังแตก
แต่อีกไม่กี่วันหลังจากที่เงินจากการทำงานจากสัปดาห์ก่อนเข้ามา
อะไรๆก็เริ่มขยับดีขึ้น คล้ายกับต้นไม้เล็กๆที่โผล่ขึ้นมาจากดินในฤดูใบไม้ผลิหลังจากที่ผ่านฤดูหนาวอันยาวนานมา
เมื่อมีรถแล้วผมก็สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ด้วยตนเอง
ผมจึงย้ายออกจากบ้านน้าและไปพักในเมืองที่จะใกล้ที่ทำงานมากกว่า
เพื่อจะได้ประหยัดค่าน้ำมัน สำหรับเรื่องนิ้วโป้งข้างซ้ายของผมนั้นดีขึ้นแล้ว หลังจากที่ผมหอบตัวเองไปหาหมอในคลีนิคเอกชน
เพื่อให้เขาสังเกตและเขียนใบสั่งยาแก้อักเสบให้
สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับการสังเกตของหมอและยาแก้อักเสบในร้านขายยาที่อยู่ใกล้ๆกันก็คือ
50NZ + 20NZ = 70NZ นับว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะแล้ว ที่ผมต้องจ่ายสำหรับความประมาทและอวดดีของตัวเอง
แน่นอนว่าเพียงแค่ยาแก้อักเสบหนึ่งแผงหลังจากนั้น
สามารถทำให้นิ้วที่บวมและเจ็บทุเลาลงไปได้มาก มีคนแนะนำเรื่องที่ให้ไปซื้อยาแก้อักเสบมากินตั้งแต่ก่อนที่ผมจะลงเกาะใต้มากกว่าสองคน
แต่ก็นั่นแหละ บางครั้งความมั่นใจและความอวดดีเกินไปก็จัดเป็นความโง่ดีดีนี่เอง
ซึ่งผมก็รู้ว่าตัวเองได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญ
ที่เป็นจุดอ่อนของผมอย่างหนึ่งจากเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว
ผมแค่อยากจะเล่าบทสรุปของเรื่องนี้ให้ฟัง
เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านบ้าง อาจเป็นในแง่ของมุมมองที่เป็นประโยชน์
หรือจะในแง่ของความบันเทิงก็ตามแต่
ผมกลับมาอยู่ใน backpacker ที่ผมเคยอยู่เมื่อครั้งที่ผมเคยย้ายเมืองมาที่นี่ในช่วงแรก
อาจจะด้วยเหตุผลของราคา และความรู้สึกที่เป็นมิตรจากเจ้าของ และบรรยากาศของสถานที่
หรืออาจด้วยเหตุผลของความคุ้นเคยก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ผมได้งานใหม่หลังจากได้ข้อมูลจากเพื่อนๆในที่พัก
นั่นก็คือการเก็บ blueberry ผมค่อยๆย้ายจากงานเก็บถั่ว และหันมาเก็บบลูเบอร์รี่อย่างเต็มตัว งานนี้สนุกและได้ผ่อนคลายร่างกายเพราะไม่ต้องอยู่กับที่
ทั้งยังเป็นงานที่ให้อิสระแก่ผู้ทำงานได้ดี
ในมุมมองความสนุกก็คือ คุณจะมีโอกาสได้เจอเพื่อนหน้าใหม่ตลอดเวลา
ผมเดาว่าเด็ก WHV จากหลายประเทศมารวมตัวกันที่นี่
เพื่อมาอยู่เมืองนี้ในฤดูร้อนแบบนี้ เพราะเป็นช่วงที่กิจการต้องการผู้เก็บเป็นจำนวนมาก
งานนี้เป็นงานที่คุณสามารถมีพื้นที่ส่วนตัว
แม้ว่าระหว่างแถวของต้นเบอรี่จะไม่ได้กว้างนักก็ตาม
แต่ความเป็นส่วนตัวที่ผมหมายถึงก็คือ อิสระที่คุณสามารถจะเข้าทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ เลิกเร็วหรือช้าก็ได้แล้วแต่คุณ
อยากจะหยุดเพื่อพักทานอาหารที่คุณเตรียมมาเองเมื่อไหร่ก็ได้
หรือแม้ว่าคุณอยากจะคุยกับเพื่อนใหม่ของคุณนานขึ้นอีกสักหน่อย
แล้วปล่อยให้มือของคุณเคลื่อนที่ช้าลงก็ย่อมได้
นี่อาจเป็นอิสระที่คุณอาจจะพบได้ไม่บ่อยนักสำหรับการเป็นลูกจ้าง แต่แน่นอน
การทำงานก็คือการทำงาน
บริษัทนี้จ่ายค่าตอบแทนให้คุณตามปริมาณงานที่คุณทำให้เกิดขึ้น ไม่แปลกเลยที่งานนี้เป็นที่ถูกใจเหล่าบรรดาวัยรุ่น
WHV ทั้งหลาย และได้ดึงดูดพวกเขาให้มาที่นี่
ผมทำรายได้ได้ดีกับงานนี้
โดยที่ผมไม่รู้สึกเสียพลังงานหรืออ่อนล้าเหมือนงานสวนอื่นๆที่เคยทำมา
แต่ช่วงเวลาดีดีก็มีจังหวะของมัน งานเลี้ยงที่สนุกก็ต้องมีวันเลิกรา
ผมทำงานนี้อยู่ประมาณสองเดือนคือเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม จนกระทั่งได้งานใหม่เป็นงานแพคแอปเปิ้ลในโรงงาน
ด้วยการช่วยเหลือของเพื่อนที่อยู่ในแบคแพคเกอร์เดียวกันที่เคยลงชื่อผมไว้ในบัญชีของบริษัท
คงเป็นอานิสงค์จากการที่ผมเคยพาพวกเขาไปเก็บเบอรี่ด้วยกัน
โดยที่ผมไม่เคยขอค่าน้ำมันอะไรจากพวกเขาเลย ผมก็แค่คิดว่า อย่างไรเสีย ผมก็ต้องขับไปทำงานอยู่แล้ว
และการที่พวกเขานั่งมาด้วยอีกสองสามคนก็ไม่ได้ทำให้ผมต้องจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มแต่อย่างใด
งานในโรงแพคเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับงานกลางแจ้งโดยสิ้นเชิง
ทุกอย่างกำกับด้วยเวลาและกฎระเบียบ บางครั้งผมรู้สึกว่าพวกเราต้องทำงานแข่งกับเครื่องจักร
ในขณะที่เครื่องจักรไม่เคยมีปัญหาเรื่องการขึ้นลงของอารมณ์เหมือนกับพวกเรา
บางวันผมรู้สึกเครียดนิดๆเลยทีเดียวกับการทำงานนี้
No comments:
Post a Comment