Friday, 7 September 2018

3. คืนแรกใน NZ



          ผมจองตั๋วเครื่องบินมาล่วงหน้าสามเดือนเพราะคิดว่าราคาน่าจะถูกกว่า ซึ่งจริงๆแล้ว ผมมาพบทีหลังว่าหากจองล่วงหน้าสักสองเดือนหรือเดือนครึ่งก็น่าจะยังได้ราคานี้อยู่ ผมมาถึงสนามบินของนิวซีแลนด์ที่เมือง Auckland ในเวลาประมาณสี่ทุ่ม ระหว่างที่กำลังตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและกำลังเดินออกมา ก็มีเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งจูงสุนัขพันธุ์ตัวใหญ่ๆเดินเข้ามาหาผม ผมคิดว่ามันคงจะอยากมาทักทายคนต่างถิ่น หรือไม่ท่าทางของผมก็น่าจะมีแววเป็นนักขนส่งที่ดี
 หลังจากนั้นผมก็เดินออกมาจากสนามบินมาคนเดียวแบบงงๆ อะไรๆก็ดูแปลกหูแปลกตาไปหมด อากาศข้างนอกก็เย็นจนสามารถเรียกว่าหนาวได้แล้วเพียงแต่ผมยังงงอยู่ก็เลยยังรู้สึกช้าอยู่ แล้วเอางัยต่อล่ะ? ก่อนการเดินทางผมได้จองแบคแพคเกอร์ทางออนไลน์ไว้แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในตัวเมือง และก็รู้ข้อมูลมาว่า ที่สนามบินจะมีบริการรถบัสเพื่อขนส่งผู้โดยสารเข้าเมืองไว้คอยบริการตลอด 24 ชม ผมเดินไปซื้อตั๋วและได้โบวชัวแผนที่เมืองมาแผ่นหนึ่ง ในนั้นมีจุดที่รถบัสจอดระบุไว้ด้วย แต่ผมควรจะลงตรงไหนล่ะจึงจะใกล้กับโรงแรมที่ผมจองไว้ อินเตอเน็ตในโทรศัพท์ก็ยังไม่มี จะว่าไปแล้วซิมของที่นี่ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ ผมก็เลยถามคนข้างๆดู เค้าก็แนะนำให้ลงตรงจุดที่ 5 นะ ผมก็โอเคๆไป เค้าว่าอย่างไรผมก็ว่าตามนั้น

พอถึงจุดที่จะลง ผมก็คว้ากระเป๋าขึ้นหลังอย่างทุลักทุเล เพราะมันหนักมากถึง 20 กก แหนะ โควต้าสายการบินให้เท่าไหร่ ผมก็จัดเต็มเลยแบบไม่มีขาด ภาระมันเลยมาตกอยู่ที่หลังผมนี่ ขอให้มองเหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์นะครับ แต่คนมันไม่เคย มันก็เลยพกกันเหนียวไว้ก่อน พอผมลงมาจากรถพร้อมกระเป๋าที่หนัก แถมยังมีกระเป๋าถือสะพายข้างมาอีกหนึ่งชิ้น ผมพบว่าข้างนอกมีฝนตกปลอยๆด้วย คนก็เดินกันกวักไกว่ ถ้าจะให้ผมเปรียบถนนเส้นนี้ก็เหมือนกับแถวๆสยามนั่นแหละที่มีห้างร้านติดกระจกตลอดทาง และยังคงดูคึกคักแม้ในยามดึก

บรรยากาศก็สุดแสนจะเป็นใจ ฝนตกปรอยๆในยามค่ำคืนที่เหน็บหนาวพร้อมกับกระเป๋าเดินทางที่หนักอึ้งและความงงๆที่ไม่รู้ว่าจะต้องเดินทางไปโรงแรมที่จองไว้ด้วยเส้นทางไหน ผมจึงทำหน้างงไปสบตากับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินถือร่มสวนมา ผมบอกเขาว่าผมต้องการไปแบคแพคเกอร์ตรงจุดนี้ในแผนที่ พ่อหนุ่มคนนี้ก็ใจดีจริงๆ และบอกกับผมว่า “ผมคิดว่าผมรู้นะว่าโรงแรมนี้อยู่ตรงไหน เดี๋ยวผมพาไป” ผมก็ ok, thank you very much. พอเริ่มออกเดินเขาก็ถามผมว่าผมชอบอะไรใน NZ ผมก็ตอบแบบขำๆไปว่า “ยังไม่รู้หรอก ผมก็เพิ่งมาถึงนี่แหละยังไม่ค่อยรู้อะไรเลย” ผมก็ถามเขากลับไปว่า “แล้วคุณกำลังจะเดินไปไหนหรอ” เค้าก็ว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ซึ่งเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งของเขา ผมก็คิดในใจว่าก็ดีเหมือนกันที่ได้เจอคนที่กำลังเดินเล่นเป็นคนนำทางให้ ผมก็ถามเขาต่อไปว่าเขาทำงานอะไรใน NZ เค้าก็บอกว่า (ในความเข้าใจของผมนะ เพราะช่วงที่ผมไปอยู่ที่โน้น อย่าว่าแต่ช่วงแรกเลย แม้แต่ช่วงท้ายๆผมก็ไม่เข้าใจ 100% ผมรู้สึกว่าสำเนียงของคนที่โน้นไม่เหมือนกับของคนอเมริกันที่เรามักคุ้นเคยตามสื่อต่างๆ) เขาเป็นคนที่ทำงานในสำนักงานขนส่งอะไรนี่แหละ อาจจะเป็นช่างตรวจสภาพรถ และเขาก็ไม่ใช่คน NZ ดั่งเดิมด้วย เค้าบอกชื่อประเทศบ้านเกิดของเขาแต่ผมก็จำไม่ได้ พอเดินไปได้เกือบห้านาทีหรืออาจจะเกินไปสักพัก ผมก็เริ่มคิดว่าไอโรงแรมนั่นมันไกลจากถนนในตัวเมืองขนาดนี้เลยหรือ เห็นในแผนที่เหมือนไม่น่าห่างกัน ผมก็เริ่มรู้สึกระแวงนิดๆ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าเอาว่ะเป็นงัยเป็นกัน นายอาจจะคิดมากไปเอง แต่ผู้ชายคนนี้ก็พาผมลัดเลาะโน่นนี่และเริ่มเป็นจุดที่มีคนน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ทำเป็นใจดีสู้เสือเดินตาม และแล้วเขาก็พาผมมาถึงที่หมายจนได้( บอกแล้วว่าคิดมากไปเอง คืนแรกที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็คิดเยอะอย่างนี้แหละเนอะ) ผู้ชายคนนี้ช่วยผมแม้กระทั่งใช้ด้ามร่มเคาะเรียกพนักงานข้างในให้ออกมาเปิดประตูให้ เนื่องจากประตูใช้ระบบคีการ์ด ก่อนจากกันผมก็บอกเขาว่า เมื่อกี้คุณถามผมว่าผมชอบอะไรใน NZ ใช่มั้ย ที่ผมบอกได้ตอนนี้ก็คือผมชอบคนใน NZ ขอบคุณมากนะคับพร้อมกับท่าทางซาบซึ้งแบบลนๆ แต่ผมก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ บอกก่อนนะคับว่าผมไม่ใช่เกย์ ผมแค่ชอบพูดความรู้สึกของผมออกมากับคนที่ช่วยผมไว้โดยที่ไม่กั๊กก็เท่านั้น  







No comments:

Post a Comment

คำนำและบทสรุป

          คำนำและบทสรุป           รูปแบบการเดินทางเป็นเรื่องราวเฉพาะบุคคล ไม่มีการเดินทางเส้นไหนจะวิเศษกว่าเส้นทางไหน เพราะทั้...