ที่พักคืนแรกของการเดินทางคือที่เมือง
Wellington และก็มีเรื่องขำๆจนได้ เมื่อห้องพักที่ผมจองออนไลน์ไว้ไม่ใช่สถานที่ที่อยู่ในตัวเมืองแต่เป็นที่ชายหาดแห่งหนึ่งที่อยู่ในเขต
Wellington แต่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมือง ผมได้จ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ไปแล้วด้วย
แล้วเชื่อไหมว่า ผมเพิ่งรู้ว่ามันเป็นคนละที่กัน ก็ตอนที่ผมไปเช็คอินที่เคาเตอร์โรงแรมซึ่งอยู่ในเครือเดียวกันที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง
พนักงานต้อนรับเป็นคนบอกผมว่า ขอโทษด้วยนะคับ แต่ห้องที่คุณจองไว้นั้น อยู่อีกที่หนึ่งที่อยู่ออกไปชานเมืองครับ
ผมก็เข้าใจว่าเป็นความผิดของผมเองนะที่ดูไม่ดีเองตอนจอง แต่ก็ขอให้เค้าช่วยเข้าใจหน่อย
เผื่อว่าในเมื่อเค้าเป็นโรงแรมในเครือเดียวกันก็อาจจะพอตกลงกันได้
แต่เค้าก็ทำตามคำขอนั้นไม่ได้ ซึ่งผมก็เข้าใจตรงจุดนั้น อย่างไรก็ตาม ยังโชคดีที่โรงแรมนั้นยังมีเตียงว่างอยู่สำหรับคืนนั้นพอดี
ก็คงไม่ต้องรออะไรแล้วคับ ผมจ่ายสดทันที ราคา ณ ช่วงเวลาที่ผมเดินทาง สำหรับห้องนอนรวมที่มี
6 เตียงราคาอยู่ที่ประมาณ 30 เหรียญต่อคืน
กิจกรรมของผมก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก
ผมเป็นพวกแค่ว่า ได้เดินเล่นรอบเมืองใหม่ๆที่ผมไปผมก็รู้สึกดีมากแล้ว
เห็นอะไรแปลกหูแปลกตาและได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติของเมืองแต่ละเมือง
ผมต้องขอยอมรับและชื่นชมประเทศ NZ นี้ว่า เป็นประเทศที่วางผังเมืองได้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ทางธรรมชาติในแต่ละเมืองได้อย่างลงตัวมาก
เป็นต้นว่า แม้ในเมืองหลวงอย่าง Wellington
ที่น่าจะเป็นเมืองที่คนพลุกพล่านมากที่สุดในฐานะเมืองหลวง แต่กลับสามารถแบ่งพื้นที่ที่สามารถทำให้ผู้คนได้สัมผัสกับจุดขายทางธรรมชาติของเมืองนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
ซึ่งในกรณีของเมืองนี้ก็คือชายทะเลและท่าเรือ บวกกับความสะอาดสะอ้านของเมือง และอากาศที่เย็นกำลังดี
ไม่มีฝุ่นหรือมลพิษ มีแต่ลมแรงเนื่องจากอยู่ติดทะเล
จึงอาจกล่าวได้ว่าเมืองหลวงนี้เป็นเมืองที่สามารถผสานความเป็นเมืองและธรรมชาติได้ดีมากเมืองหนึ่ง
ระหว่างช่วงหัวค่ำในที่พักแห่งนี้
ผมได้มีโอกาสคุยกับคนฝรั่งเศสคนหนึ่ง อายุประมาณสามสิบต้นๆ ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกับผู้คนอยู่แล้ว
ผมจึงถามเขาว่ากำลังจะเดินทางไปไหนต่อ เขาว่ากำลังจะเดินทางไปเกาะใต้เช่นกัน
แต่จุดหมายที่เขาไปไม่ได้น่าสนใจเท่าวิธีการที่เขาใช้
เขาบอกว่าตอนนี้เขาอยู่ในระหว่างครึ่งทางของการเดินจากด้านบนของเกาะเหนือลงไปสู่ใต้สุดของเกาะใต้
ใช่ครับเขาเดินเท้า ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีแบบนี้ด้วย
คนที่เดินทางประเภทนี้จะเป็นสมาชิกของแอพลิเคชั่นหนึ่งที่มีข้อมูลการเดินทางจัดให้กับสมาชิก
เส้นทางส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเลาะเลี้ยวไปตามเขตอุทยานแห่งชาติ
แน่นอนว่าบางช่วงก็ต้องใช้การโดยสารสาธารณะบ้าง
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็คือการเดินเท้า
ผมนี่งงเลยและก็ได้แต่คิดกับตังเองว่าแบบนี้ก็มีด้วยแฮะ
เช้าวันต่อมาก็ได้เวลาขึ้นเรือ
บอกตามตรงนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้มีโอกาสขึ้นเรือขนาดใหญ่เท่าเรือสำราญแบบนี้
แล้วถ้าใครจะเอารถยนต์ข้ามฟากก็สามารถใช้บริการของเรือนี้ได้ด้วยนะ
พิธีการก่อนขึ้นเรือก็ไม่มีอะไรมาก สังเกตรอบๆตัว สังเกตคนโน้นคนนี้แล้วก็ใช้ความน่าจะเป็นพาไป
เออ มีอย่างหนึ่งที่อยากแนะนำ หากคุณรู้ว่าคุณเป็นพวกหิวได้บ่อยๆหรือชอบกินขนม
ผมแนะนำให้คุณหาซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเรือแล้วใส่กระป๋าไว้ แน่นอนว่าคุณสามารถหาซื้อสิ่งที่คุณอยากกินบนเรือได้
แต่ราคาสินค้าที่คุณซื้อมาจากที่อื่นจะถูกกว่าพอสมควร คล้ายกับราคาของขนมในโรงหนังนั่นแหละ
ดังนั้นหากคุณเป็นสายอร่อยดีแบบประหยัดต้นทุน ผมก็อยากจะขอแชร์ในจุดนี้
พอผมเข้ามาในเรือแล้ว
ผมก็เดินสำรวจไปรอบๆ เดินขึ้นชั้นนี้ลงชั้นโน้น อ่านป้ายโน่นนี่
ชั้นที่ดูมีชีวิตชีวาที่สุดก็เห็นจะเป็นชั้นดาดฟ้าเรือ
แน่นอนว่าคุณสามารถสัมผัสกับวิวทิวทัศน์ได้มากที่สุด แต่ก็เป็นชั้นที่ลมแรงที่สุดเช่นกัน
ภายในเรือชั้นต่างๆจะมีมินิบาร์ ร้านอาหาร ที่เล่นสำหรับเด็กๆ โรงภาพยนต์ขนาดเล็ก พูดง่ายๆก็คือ
มีที่ไว้ฆ่าเวลาแบบต่างๆตลอดระยะเวลาสามชั่วโมงในการเดินทาง
แต่วิธีที่ผมชอบใช้ก็คือการเอาของที่ตุนไว้ในกระเป๋าออกมากิน ในขณะเดียวกันก็เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ตามธรรมชาติ
เท่าที่จำได้นั้น วิวทิวทัศน์ที่ผมรู้สึกว่าสวยก็จะมีในช่วงเริ่มต้นของการออกเรือและในขณะที่กำลังจะเทียบท่าที่เกาะใต้
เหตุผลก็เนื่องจากว่า จะเป็นเวลาที่เรืออยู่ใกล้กับขอบของแผ่นดินที่จะปรากฎมีก้อนหิน
เนินเขาขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างสลับกับพื้นน้ำ มันก็จะทำให้ได้ภาพของสีน้ำทะเลผนวกกับสีเขียวของแมกไม้
ผสานกับสีน้ำตาลของแผ่นดินโดยมีพื้นหลังเป็นท้องฟ้าและก้อนเมฆ
โดยส่วนตัวผมคิดว่าสิ่งต่างๆที่ได้กล่าวมาช่วยให้สองช่วงเวลาดังกล่าวดูน่าประทับใจที่สุด
ส่วนช่วงเวลาระหว่างนั้นกว่าสองชั่วโมงภาพที่เราเห็นส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพพื้นน้ำอันกว้างใหญ่
หลังจากเข้ามาเหยียบเกาะใต้โดยสมบูรณ์แล้ว
ผมก็เชื่อมต่อการเดินทางเพื่อไปเมืองไครเชิทร์ด้วยรถไฟ เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากนอกจากแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ
ผมแค่อยากเห็นว่ารถไฟที่นี่จะเป็นอย่างไร
ผู้โดยสารในขบวนส่วนใหญ่มักเป็นผู้สูงอายุ และกิจกรรมก็ไม่มีอะไรนอกจากการนั่งให้รถเคลื่อนไป
ผมก็หา Audio ฟังไปเรื่อยขณะการเดินทาง
No comments:
Post a Comment