ก่อนหน้าที่จะออกจากร้านอาหารประมาณสองสัปดาห์ผมก็ได้ไปซื้อตั๋วรถบัสอีกเมืองหนึ่งรอไว้แล้ว
เมืองนั้นชื่อว่า Hastings
คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงเลือกไปเมืองนี้ใช่ไหม
ที่มาที่ไปของมันก็คือ ระหว่างที่ผมพักอยู่ห้อง 701 ในแบคแพคเกอร์แรกนั้น ผมได้เจอกับรูมเมทมากหน้าหลายตา และหลายเชื้อชาติ
สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเข้าพัก บางคนก็มาอยู่ 2-3 คืน บางคนคืนเดียว บางคนก็อยู่เป็นสัปดาห์
ผมรู้สึกสนุกที่ได้เจอคนต่างชาติต่างวัฒนธรรม ผมชอบอะไรที่หลากหลาย
และผมก็แทบจะชวนคุยกับทุกคนที่เข้ามาพักเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง
ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับผม ในฐานะผู้มาใหม่ของประเทศนี้
หากเจอพวกคนที่มาพักเพื่อรอเที่ยวบินกลับบ้าน ผมก็มักจะถามคำถามอย่างเช่น
คุณไปอยู่ที่ไหนในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาบ้าง
รู้สึกชอบที่ไหนเป็นพิเศษไหม มีงานดีดีในเมืองไหนที่พอจะแนะนำได้บ้างไหม และเมือง
Hastings ก็เป็นชื่อเมืองหนึ่ง ที่นักกระดานโต้คลื่นชาวญี่ปุ่นที่เคยเข้ามาพักห้องเดียวกับผมแนะนำมา
เค้าว่าที่นั่นมีงานเยอะและงานที่เขาชอบมากที่สุดก็คืองานเก็บบลูเบอรี่ ผมจึงตัดสินใจว่าเมืองต่อไปที่ผมจะไปก็คือเมือง
Hastings นี่แหละ
คุณอาจจะสงสัยว่าอะไรทำให้ผมมั่นใจขนาดนั้นใช่ไหม
ถ้าจะให้บอกก็คือผมมักจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเวลาพูดคุยกับคนว่าเค้ารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เค้าพูด
อันที่จริงจะเรียกว่าเป็นการใช้สัญชาติญาณก็ได้
แต่เรื่องนี้น่าจะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องยกไว้ก่อน เอาเป็นว่าผมรู้สึกได้ว่าเมืองที่เขากำลังเล่าให้ผมฟังนั้นเขารู้สึกดีกับสิ่งที่เขาเล่าจริงๆ
ซึ่งความรู้สึกของผมในตอนนั้นก็รู้สึกว่าเมืองนี้จะต้องเป็นเมืองที่ผมสามารถทำงานเก็บเงินได้แน่
ผมจึงเช็คในอินเตอร์เน็ตเพื่อดูพิกัดของเมืองอีกสักหน่อยจากนั้นจึงไปซื้อตั๋วรถบัสเตรียมรอไว้
และในที่สุดในช่วงกลางเดือนตุลาคมผมก็ได้เดินทางไกลใน
NZ เป็นครั้งแรก
ผมสามารถเก็บเงินเพิ่มจากการทำงานที่ร้านอาหารได้อีกประมาณ 200-300 เหรียญ ซึ่งผมก็จำแน่ชัดไม่ได้
แต่ผมรู้สึกว่ามันมากขึ้นกว่าเดิมหน่อยนึง ตอนนี้ผมก็เริ่มคุ้นเคยกับบรรยากาศใน NZ มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว และพร้อมที่จะเดินทางออกจากเมือง
Auckland
No comments:
Post a Comment